EN / TH

VESPA GTV OFFICINA 8 รุ่นตกแต่งพิเศษ จำกัด 88 คัน ราคา 245,900 บาท

10 ตุลาคม 2568

เปิดตัว LEAPMOTOR B10 B-SUV ไฟฟ้า ราคา 688,000 บาท - 788,000 บาท

10 ตุลาคม 2568

รุ่นย่อยใหม่! TOYOTA FORTUNER LEADER G+ ออพชั่นเยอะขึ้น ราคา 1,439,000 บาท

9 ตุลาคม 2568

Ford Ranger Raptor Desert Pack เสริมลุคด้วยชุดแต่ง ARB จำกัด 500 คันในออสซี่

9 ตุลาคม 2568

ภาพสปายชอต BMW X7 Neue Klasse พร้อมรุ่นไฟฟ้าล้วน iX7 เป็นครั้งแรก

6 ตุลาคม 2568

DACIA HIPSTER CONCEPT รถไฟฟ้าคันจิ๋วราคาถูก คาดวิ่งไกล 93 กม./ชาร์จ

6 ตุลาคม 2568

New KIA Carnival HEV เบนซินเทอร์โบไฮบริด 2 รุ่นย่อย ราคา 2,499,000 - 2,699,000บาท

3 ตุลาคม 2568

ปรับราคา เสริมรุ่นย่อยใหม่! Tesla Model 3 RWD Long Range ขับหลัง วิ่งไกล 750 กม. WLTP

3 ตุลาคม 2568

เปิดตัว All-New Subaru Forester ขุมพลังเบนซินล้วน นำเข้าจากญี่ปุ่น ราคา 2.59 ล้านบาท

3 ตุลาคม 2568

สหรัฐฯ ยกเลิก นโยบายสนับสนุนภาษีรถยนต์ไฟฟ้า CEO FORD เตือน ความต้องการ EV อาจลดฮวบ

2 ตุลาคม 2568

CHERY V23 เอสยูวีไฟฟ้าทรงกล่อง วิ่งไกล 360-430 กม. NEDC ราคา 699,900-889,000 บาท

30 กันยายน 2568

Tesla เปิดตัว “Tesla Center พระราม 5” ศูนย์บริการแห่งที่สองในไทย โชว์หุ่นยนต์ Optimus และ Tesla Supercharger V4

26 กันยายน 2568

ไม่พบข้อมูล

กลับไปหน้า บทความ

รีวิว KIA EV5 GT-LINE AWD หน้าตาดี ตกแต่งสไตล์สปอร์ต ขับขี่ไม่โดดเด่นแต่ถูกใจสายครอบครัว

20 กรกฏาคม 2568| จำนวนผู้เข้าชม 1,736

b

 

สวัสดีครับ น้องบีนะครับ สุทธิพงษ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ก็ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า KIA EV5 เป็นระยะเวลาประมาณนึง เลยอยากจะมาเล่าให้ทุกท่านได้ฟังกันครับว่าประสบการณ์ใช้งานเป็นอย่างไร

 

ขออนุญาตไล่สเปคก่อนสักเล็กน้อยนะครับ รุ่นที่ได้มาขับ ก็จะเป็น รุ่น GT-Line AWD ครับ ราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,899,000 บาท จะเป็นรุ่นท็อปที่เขาเสริมเข้ามานะครับ เรียกได้ว่าท็อปเหนือท็อป ราคาก็จะแพงกว่ารุ่น Earth Exclusive AWD อยู่ 100,000 บาท สิ่งที่แตกต่าง จากรุ่น Earth Exclusive AWD ได้แก่

 

  • กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตทรงสี่เหลี่ยม
  • กันชนหน้าและหลังสีเดียวกับตัวรถ
  • ไฟ LED บริเวณกระจังหน้า
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้าและหลังแบบ Sequential
  • กระจกมองข้างสีดำเงา
  • หลังคาดำ 2 Tone
  • ขอบกระจกตกแต่งสีดำเงา
  • ล้ออัลลอย ขอบ 20 พร้อมยางขนาด 255/45R20
  • ชายขอบประตูล่างสีเดียวกับตัวรถ
  • สปอยเลอร์สีดำ
  • กรอบป้ายทะเบียนทรงสี่เหลี่ยม
  • โลโก้ GT-line บริเวณด้านท้าย
  • ภายในสีทูโทน
  • พวงมาลัยสามก้านสีทูโทน
  • แป้นเหยียบโลหะ
  • กรอบช่องแอร์สีเงิน
  • กาบบันไดพร้อมโลโก้ GT-Line
  • หัวหมอนปักโลโก้ GT-Line 

 

 

สีตัวถังมีให้เลือก 2 สี ได้แก่

 

  • สีขาวหลังคาดำ Snow White Pearl & Black Roof

 

  • สีเงินหลังคาดำ Ivory Silver & Black Roof

 

 

ตัวรถมาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Dual-Motor พละกำลังรวม 308 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.3 วินาที  มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางการวิ่งสูงสุด 475 กิโลเมตร อ้างอิงตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW และ กระแสตรง DC สูงสุด 141 kW รองรับฟังก์ชั่น V2L

 


 

 

ไล่สเปคเสร็จแล้วก็จะขอเล่าประสบการณ์การใช้งานเลยนะครับ ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบดีไซน์รถไฟฟ้าของ KIA ไม่ว่าจะเป็น EV5 หรือรุ่นพี่อย่าง EV9 ผมว่ามันดูมีความเป็นเอกลักษณ์ ขับแล้วรู้สึกว่าตัวเองแตกต่าง และยิ่งพอเป็นรุ่น GT-Line แล้ว มันยิ่งดูดุดัน ถูกใจผมมากขึ้นไปอีก สำหรับเจ้า EV5 เนี่ย เขาก็จะมาในแนวรถครอบครัว ถ้างั้นผมก็พาคุณพ่อกับคุณแม่ผมเดินทางด้วยเลยละกัน!

 

 

สำหรับคนที่มีพื้นที่จอดจำกัด จะจอดได้ไหม?

 

หลังรับรถมาแล้วก็เอามาจอดไว้ที่บ้านก่อนเลย พอจอดปุ๊ป สิ่งแรกที่เจอเลยก็คือ หน้ารถยื่นออกไปข้างหน้าบ้าน แต่ยังอยู่ในบริเวณบ้านผมนะครับ กล่าวคือเลยประตูรั้วออกไปนิดเดียวแต่ไม่ถึงถนนของหมู่บ้าน ต้องเล่าก่อนว่าผมต้องจอดซ้อนคันไว้ข้างหน้ารถของที่บ้านผม ซึ่งก็คือ CR-V เจน 5 และเป็นการจอดแบบที่รถทั้งสองคันจะสามารถเปิดฝาท้ายและคนสามารถเดินมาหยิบของได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าหากที่บ้านใครมีรถอีกคันที่เป็นรถยาวๆอย่าง รถกระบะ รถเก๋ง D segment หรือพวก PPV ก็อาจจะต้องพิจารณากันหน่อยนะครับว่าถ้าซื้อคันนี้ไปแล้วจะสามารถจอดด้วยกันได้ไหม

 

 

 

เป็นผู้โดยสารแล้วชอบไหม?

 

ถึงเวลาออกเดินทาง เส้นทางจาก นนทบุรี-หนองจอก อาจจะเป็นเส้นทางที่ไม่ได้ไกลมากแต่ก็พอจะทำให้เรารู้ถึงอาการของตัวรถและความสบายในการเดินทาง รวมถึงออพชั่นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่จะได้มาใช้กัน สภาพการจราจรที่เจอก็จะมีหลายรูปแบบทั้ง รถติดบ้าง ถนนขรุขระบ้าง ทางโค้ง รอยต่อคอสะพานต่างๆนานา แม้กระทั่งทางลูกรัง คุณพ่อที่นั่งด้านหน้าและคุณแม่ที่นั่งเบาะหลังให้ความเห็นว่า ห้องโดยสารให้ความรู้สึก “กว้างขวางกว่ารถ CR-V ที่ใช้อยู่บ้าน” โดยเฉพาะ Headroom ที่มีเหลือเฟือ เบาะนั่งมีความนุ่มนวลในระดับหนึ่ง แต่เมื่อผ่านรอยต่อสะพานที่ลึกหรือแรงกระแทกมากๆ ยังรู้สึกถึงแรงกระทั้นส่งขึ้นมาในห้องโดยสาร ซึ่งอาจเป็นจุดที่ต้องพิจารณาสำหรับผู้โดยสารสูงวัยหรือผู้ที่เน้นความนุ่มนวลขณะเดินทาง ผมสูง 186 เซนติเมตร เรียกได้ว่าขาค่อนข้างยาว แต่พอได้มานั่งเบาะหลังของ KIA EV5 ก็ต้องบอกว่า ไม่เจอปัญหาเลย ทั้งพื้นที่วางขาและ Headroom มีเหลือให้ใช้แบบสบาย ๆ เบาะหลังยังสามารถปรับเอนได้หลายองศา ไม่ได้ล็อกแค่สองสามระดับ แต่เป็นแบบเลือกองศาเองได้ ปรับแล้วปล่อยมือ ตัวเบาะจะล็อกเข้าที่ให้อัตโนมัติ

 

 

 

ขับขี่แล้วเป็นยังไง?

 

ขอเล่าในมุมของผมที่เป็นคนขับบ้างครับหลังจากได้ขับทั้งในชีวิตประจำวันและพาครอบครัวเดินทาง รวมระยะทางราว 200 กิโลเมตร ตัวรถให้ฟีลลิ่งที่เวลาขับแล้วรู้สึกว่าตัวรถมีน้ำหนัก โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนเลนหรือช่วงที่รถมีการทิ้งตัวเวลาผ่านเนินสะพาน จะรู้สึกว่าหน่วงเหมือนรถไม่ไปเป็นก้อนเดียว การเข้าโค้ง ซึ่งแม้จะใช้ความเร็วไม่สูง ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงเหวี่ยงพอสมควร บวกกับอาการกระทั้นเวลาผ่านถนนที่รอยต่อใหญ่หน่อย มันก็ทำให้ผู้นั่งโดยสารนั่งไม่สบายหรือมีอาการวิงเวียนได้ ซึ่งตรงนี้ก็ถือเป็นจุดข้อสังเกต แต่ต้องชมในเรื่องของฟีลลิ่งพวงมาลัย ทั้งในเรื่องวัสดุ จับแล้วให้ความรู้สึกที่กระชับมือและพรีเมี่ยม ถึงแม้พวงมาลัยจะมีการตัดขอบบนทำให้มันคล้ายทรงหกเหลี่ยมแต่ว่าตรงช่วงมุมมีการลบเหลี่ยมมุม ทำให้ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเหลื่ยมและยังมีความโค้งอยู่ ส่งผลให้เวลาที่เราหมุนพวงมาลัยสองมือหรือเวลาคืนพวงมาลัยนั้น ทำได้ราบรื่นกว่าแบบที่เป็นเหลี่ยมสันชัดเจน และน้ำหนัก ในการขับขี่ย่านความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. น้ำหนักพวงมาลัยค่อนข้างที่จะเบา ทำให้ขับขี่ง่าย แต่ถ้าหากความเร็วสูงขึ้นมาในช่วงที่เกินกฎหมายกำหนดพวงมาลัยจะรู้สึกว่าไวไปสักนิด ทำให้เราต้องคอยมานั่งจดจ่อกับมันมากเกินไป ส่งผลให้เดินทางไม่สบายเท่าที่ควร

 

 

 

ถ้าการขับขี่ยังไม่ใช่จุดเด่น แล้วอะไรจะเป็นจุดเด่นกันล่ะ?

 

หนึ่งจุดที่ต้องชมจริงๆเลย คือเรื่อง การใส่ใจในรายละเอียดของฟังก์ชันใช้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตัวอย่างเช่น ช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่ต้องเอื้อมหรือเอนตัวมากเพื่อที่จะเสียบสาย ซึ่งฟังดูเหมือนเรื่องเล็กๆ แต่กลับมีผลต่อความรู้สึกของผู้โดยสารอย่างมาก

 

 

 

คอนโซลกลางวางตำแหน่งไว้ค่อนข้างต่ำ ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ช่วงเข่าสำหรับผู้ขับที่ตัวใหญ่ หรือคนที่มีขายาว ลดโอกาสที่หัวเข่าจะไปชนกับตัวคอนโซล ถือเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงสรีรศาสตร์ผู้ใช้งานได้ดี ช่อง USB ด้านหน้า สามารถเลือกการทำงานได้ 2 แบบ คือ ใช้เป็นแค่ช่องชาร์จไฟทั่วไป หรือจะเลือกให้เชื่อมต่อกับระบบ Apple CarPlay หรือ Android Auto บนหน้าจอกลางไปด้วยก็ได้ ซึ่งใช้งานง่าย เชื่อมต่อไวและไม่ต้องเข้าเมนูซับซ้อน หากต้องการตัดการเชื่อมต่อในกรณีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถ กดปุ่มเปลี่ยนได้ทันที โดยไม่ต้องดึงสายออกจากพอร์ต

 

 

 

แผ่นบังแดดสามารถหมุนจากตำแหน่งกระจกหน้ามายังด้านข้างได้ และที่สำคัญคือ สามารถเลื่อนเข้า-ออกเพิ่มเติมได้ ไม่ได้ล็อกอยู่แค่ตำแหน่งเดียว จุดนี้ถือว่า ตอบโจทย์คนที่ขับรถในท่าที่เอนหลังเยอะ (เช่นผมเอง ฮ่าๆ) เพราะเมื่อแดดส่องเข้าจากด้านข้าง ถ้าแผ่นบังแดดเลื่อนไม่ได้ มุมแสงจะพ้นตัวบังไป ทำให้ผู้ขับต้องเอียงศีรษะหนีแสงเอง ซึ่งทั้งรำคาญและอันตราย

 

 

 

แอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังถูกติดตั้งไว้ที่เสา B ทั้งสองฝั่ง ทำให้สามารถเอื้อมมือไปปรับทิศทางลมได้สะดวก ด้านหลังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า มีการติดตั้งโต๊ะพับ  จะวางของเบา ๆ หรือใช้เป็นที่รองแท็บเล็ตหรือ Laptop ก็ได้ บริเวณหลังพนักพิงศรีษะยังออกแบบเป็นร่องแขวนกระเป๋า มาให้ด้วย แขวนถุงหรือของจุกจิกได้แบบไม่เกะกะพื้นที่วางเท้า 

 

 

 

แผ่นปิดพื้นของห้องเก็บสัมภาระด้านหลังไม่ได้ทำหน้าที่แค่ปิดของให้เรียบร้อยเท่านั้น เพราะสามารถยกขึ้นมาตั้งเป็นโต๊ะได้ในตัว เหมาะสำหรับใครที่ชอบออกทริป ตั้งแคมป์ หรือแม้แต่แค่จอดพักริมทางก็หยิบของขึ้นมาวางกินได้สบาย ๆ นอกจากนี้ ยังมีปลั๊กไฟ AC ติดตั้งไว้บริเวณท้ายรถด้วย เผื่อใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาออกนอกสถานที่ได้

 

 

 

 เบาะคู่หน้าสามารถปรับให้นอนราบและนวดติดผ่านการกดปุ่มที่อยู่ข้างเบาะได้ทันที ไม่ต้องคลำหาในจอให้เสียเวลาแม้ว่ารูปแบบการนวดจะต้องเข้าไปตั้งค่าในหน้าจอกลาง แต่แค่มีปุ่มเปิดโหมดนวดไว้ให้กดง่ายๆ เวลาเราจอดพักรอชาร์จไฟ หรือจอดแวะริมทาง ก็ถือว่าสะดวกต่อการใช้งาน

 

 

 

อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจคือ ตู้เย็นขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ใต้ที่วางแขนกลางคอนโซลหน้า ซึ่ง KIA เคลมว่าสามารถปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ เย็นสุด 5°C ไปจนถึงร้อนสุด 55°C จากการใช้งานจริง ต้องบอกว่า มันทำหน้าที่ "รักษาความเย็น" ได้ดีมากกว่าการทำให้น้ำเย็น กล่าวคือ ถ้าคุณนำน้ำแช่เย็นมาเก็บไว้ในนี้ มันจะคงอุณหภูมิเย็นไว้ได้อย่างน่าพอใจ แม้ผ่านเวลาเดินทางไกลหลายชั่วโมง แต่หากคาดหวังว่าจะใส่น้ำที่อุณหภูมิห้องหรือแบบอุ่น ๆ แล้วให้กลายเป็นน้ำเย็นเจี๊ยบอาจจะต้องบอกว่า อย่าคาดหวังมาก เพราะระบบทำความเย็นไม่ได้รวดเร็วหรือทรงพลังถึงขนาดนั้น

 

นอกจากนี้ ชุดปุ่มควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ก็ไม่ได้ถูกโยกไปอยู่ในหน้าจอกลางทั้งหมด ยังคงมีปุ่มลัดที่แยกออกมาบนแผงแดชบอร์ด ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงคำสั่งที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียสมาธิหรือละสายตาจากถนน สิ่งเล็กๆเหล่านี้ทำให้ผู้ที่เพิ่งขึ้นมาขับครั้งแรก หรือผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานนั้นไม่ต้องเรียนรู้เยอะ ก็สามารถปรับตัวได้ง่ายและใช้งานได้ทันที ซึ่งตรงนี้ผมนับว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของ KIA ที่อยากให้ทุกท่านได้มาลองสัมผัสเอง

 

 

 

มาดูเรื่องการชาร์จกันบ้างครับ


ในวันที่ผมต้องเดินทาง ผมมีเวลาแค่ 30 นาทีในการแวะเติมไฟ แบตเตอรี่ตอนนั้นเหลืออยู่ราว 25% ระยะทางบนหน้าปัดโชว์อยู่ราวๆ 100 กิโลเมตรนิดๆ ผมตั้งเป้าไว้ในใจว่า "เอาแค่นี้แหละ ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น" คิดในมุมคนใช้จริง บางครั้งเราอาจไม่มีเวลาให้รถชาร์จนาน ๆ ดังนั้นเวลาครึ่งชั่วโมงนี้แหละ คือบททดสอบ

 

สถานีที่เลือกใช้คือ EV Station PluZ ซึ่งในช่วงแรกที่เสียบชาร์จ กำลังไฟปล่อยมาแค่ 39.3 kW เพราะมีรถอีกคันใช้งานร่วมด้วย หน้าจอแจ้งว่าใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 33 นาทีถึงจะเต็ม แต่พอรถอีกคันถอดปลั๊กออก กำลังไฟก็พุ่งขึ้นมาเป็น 78.7 kW ทันที ผ่านไป 30 นาทีพอดี แบตจาก 25% ขึ้นมาเป็น 55% ระยะทางบนหน้าปัดเพิ่มเป็น 237 กิโลเมตร ถือว่าเติมมาได้พอสมควรสำหรับการเดินทางต่อ

 

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการชาร์จครั้งนี้คือ


ใครที่คิดจะเอารถ EV คันนี้ออกเดินทางไกล อาจจะต้องวางแผนจุดชาร์จระหว่างทางให้ดีครับ เพราะในโลกความจริง เราอาจต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เช่น เวลาชาร์จที่จำกัด หรือกำลังไฟที่ปล่อยได้ไม่เต็มที่ ถ้าเตรียมตัวดี ก็ขับ EV ทุกคันได้แบบสบายใจไร้กังวลแน่นอน

 

 

 

ภาพรวม เจ้า KIA EV5 GT-LINE AWD อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุกมิติ เช่น ความนุ่มนวลของช่วงล่างในบางจังหวะ หรืออาการของตัวรถตอนขับเร็ว ๆ ที่อาจทำให้ต้องใช้สมาธิหน่อย แต่ในทางกลับกัน มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า “นี่คือรถที่คิดมาดีสำหรับคนใช้งานจริง” โดยเฉพาะคนที่ใช้เดินทางกับครอบครัวในชีวิตประจำวันเป็นหลัก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากได้รถที่แตกต่าง ดีไซน์ที่ดูแปลกใหม่ และเข้าใจคนใช้งานในแง่ฟังก์ชันเล็กๆน้อยๆ ผมว่า KIA EV5 คันนี้ก็น่าเก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยครับ

 

 

บทความโดย: สุทธิพงษ์ ปาลกะวงศ์ อยุธยา


แชร์บทความนี้


ข่าว/บทความที่เกี่ยวข้อง

พาส่อง! แบรนด์ยานยนต์ที่โตโยต้าครอบครองและถือหุ้นในปี 2025

1 กันยายน 2568

จับทิศ "อรุณ พลัส" ถอยเมื่อทุนไทยไม่ไปต่อในอุตฯยานยนต์ไฟฟ้า

9 สิงหาคม 2568

บทบาทฟอร์ดในภาวะสงคราม

6 มิถุนายน 2568

ก่อนลมหายใจสุดท้ายของ เนต้า

6 มิถุนายน 2568

ไขหลักการทำงาน "หัวฉีด i-ART" กุญแจความประหยัด TOYOTA HILUX REVO

28 กุมภาพันธ์ 2568

EV ไทยในเงื้อมมือจีน: เมื่อแผนใหญ่ต้องเจอความเสี่ยงและความท้าทาย"

20 มกราคม 2568

ข่าวร้ายส่งท้ายปี รง.เนต้าไทย เลิกจ้าง" เมื่อบริษัทแม่อ่อนแอ บริษัทลูกขาดอากาศหายใจ"

26 ธันวาคม 2567

วิเคราะห์เครื่องยนต์ใหม่ ISUZU คาด..ยังไม่ทิ้งเครื่อง 1.9 และ 3.0 เพราะ..?

16 พฤศจิกายน 2567

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้ท่านได้รับการบริการที่ดีที่สุด กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ยอมรับ