
โตเกียว 19 มี.ค.68.- มาสด้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยเมื่อวันอังคาร(18 มี.ค.)ที่ผ่านมาว่า มาสด้าจะลดการใช้จ่ายในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าตามเป้าหมาย ปี2573( ค.ศ.2030) ลงได้ 500 พันล้านเยน จากงบประมาณ 1.5 ล้านล้านเยน การลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้เกิดจากการแสวงหาการพัฒนาระบบยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกับบริษัทอื่น ๆ ตามแผนการใช้จ่ายของมาสด้า ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านเยนเมื่อตอนออกประกาศโครงการปี 2565( ค.ศ. 2022 )แต่ต่อมา ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านล้านเยนเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
มาสด้าสามารถลดการใช้จ่ายในส่วนของการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าลงครึ่งหนึ่งจากงบประมาณกว่า 750 พันล้านเยน ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าสําหรับตลาด รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยความร่วมมือกับฉางอาน ออโต้ กรุ๊ป( Changan Auto Group) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ร่วมทุนกับมาสด้าในจีน ในขณะที่มาสด้าจะส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงร่วมกับโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้เมื่อนายมาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เดินทางมาประเทศไทยเพื่อประกาศแผนการลงทุนครั้งใหม่ด้วยตนเอง โดยวางให้ไทยเป็นฐานการผลิต และส่งออกรถไฮบริดรุ่นใหม่ไปทั่วโลก จากโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ จ.ระยอง โดยมาสด้าเร่งแผนในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าให้เร็วขึ้น รวมถึงจะเปิดตัว ทั้ง BEV, PHEV, HEV ระหว่างปี พ.ศ. 2568-2570 ซึ่งปีนี้เริ่มจากการนำเข้า BEV รุ่น Mazda 6e มาจากประเทศจีน หลังจากนั้นจะผลิตรถเอสยูวีไฮบริดโกลบัล โมเดล จากโรงงานเอเอที ที่บริษัทจะลงทุน 5,000 ล้านบาท วางกำลังผลิต 1 แสนคันต่อปี เพื่อป้อนตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังอาเซียน, ญี่ปุ่น
ที่มา:GIJPRESS