ทัพรถจีนยังแรง ดาหน้าเข้าตลาดไทย โดยมี 4 แบรนด์น้องใหม่พร้อมลุยตลาดปลายปี
จูนเหยา แอร์ (Juneyao Air ) รถยนต์ที่ลงทะเบียนเข้าสู่ทำเนียบ ตลาดรถยนต์ไทย ภายใต้ชื่อแปลกและไม่คุ้นเคย
บริษัท สายการบินจากจีน จูนเหยา แอร์ไลน์ส์ (Juneyao Airlines) ที่เข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย จูนเหยา แอร์ นั้นเป็นรถที่ร่วมมือกันระหว่าง จีลี่( Geely) และ จูนยเหยา กรุ๊ป (Juneyao Group) ซึ่งมีที่มาที่ไปน่าสนใจ
จูนเหยา แอร์ (Juneyao Air ) รถใหม่จากจีนรายล่าสุดที่ลงทะเบียนเข้าสู่ทำเนียบตลาดรถไทย บริษัทรถที่มีต้นตอจากสายการบินจากจีนชื่อจูนเหยา แอร์ไลน์แห่งนี้ เพิ่งแตกไลน์มาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจริงจังได้ 1 ปี และเตรียมเปิดขายในงานมหรรมยานยนต์ 30 พ.ย.67
สายการบิน Juneyao Airนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Juneyao Group ให้บริการการเดินทางทางอากาศหลากหลายรูปแบบ โดยมุ่งเน้นที่การให้บริการในราคาประหยัดแต่มีคุณภาพสำหรับเส้นทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ดำเนินการในฐานะสายการบินเต็มรูปแบบในประเทศจีน โดยมีทั้งชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจ พร้อมเส้นทางที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ Juneyao Air ยังมีความร่วมมือกับสายการบินสมาชิก สตาร์อัลไลแอนซ์(Star Alliance) ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะการบินไทยก็เป็น พันธมิตรในขยายเครือข่ายและบริการนี้
ในแง่ภาพลักษณ์ แบรนด์ สายการบินจูนเหยาแอร์ ถูกมองว่าเป็นสายการบินคุณภาพสูงที่เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ โดยเน้นการให้บริการที่สะดวกสบายและตอบโจทย์ลูกค้า ภายใต้สโลแกน “บริการที่ดีกว่า ชีวิตที่ดีกว่า” ซึ่งก็เป็นแนวทางของ Juneyao Group ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภค
ในด้านการเงิน Juneyao Air มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดการบินจีน โดยเฉพาะในศูนย์กลางใหญ่ ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้ โดยบริษัทมีจำนวนผู้โดยสารและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรักษาส่วนแบ่งการตลาดในฐานะสายการบินเอกชนชั้นนำในประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีการขยายฝูงบินและบริการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้นในจีน
ตลาดรถยนต์
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 คือ 1 ปีที่ผ่านมา จูนเหยาแอร์ ได้จัดงานแถลงประกาศ แผนความร่วมมือกับ จีลี่( Geely) โดยจะสร้างแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนในชื่อ “Juneyao Auto” เพื่อเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ในการเดินทางที่ครอบคลุมโดยอิงจากโมเดลแรกของ Juneyao Auto และการบูรณาการกับ Juneyao Airlines เป็นกลยุทธ์ “Juneyao Journey” มีเป้าหมาย บริการการเดินทางแบบครบวงจร ให้แก่ผู้ใช้ เช่น การรับ และส่งที่สนามบิน การจอดรถที่สนามบิน และการเช่ารถไปยังจุดหมายปลายทาง เพื่อตอบโจทย์ทั้งภาคพื้นดิน และภาคอากาศยานอย่างไร้รอยต่อ
เดือนมิถุนายน 2022 (พ.ศ.2565) Juneyao Group ได้เข้าซื้อกิจการยูโด ออโต้( Yudo Auto) และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ค่ายรถยนต์ยูโดเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเล็กๆ ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ในปี 2015(พ.ศ.2558) มีการผลิตรถคันแรกในชื่อว่า หยุนทู่(Yuntu)
แรงบันดาลใจจากอากาศยานรอบคัน
Juneyao Air รถยนต์ไฟฟ้าซีดานรุ่นใหม่คันแรกของค่าย การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบิน โดยยึดหลัก "Minimalistic Aviation Aesthetics" หรือสุนทรียศาสตร์แห่งอากาศยานอันเรียบง่าย ซึ่งตัวรถออกแบบให้มีลักษณะเป็นทรงกล่อง ที่เรียกว่า Ultimate One-Box และตั้งอยู่บนพแลทฟอร์มไฟฟ้า กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ให้กลิ่นอายแบบรถคอนเซ็ปคาร์ ด้านข้างตัวรถออกแบบท้ายลาดสไตล์ฟาสต์แบค เน้นความคล่องตัว จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตัวรถมีขนาดใหญ่ 4,550 มม. ระยะฐานล้อมีขนาด 2,800 มม. ไฟหน้าออกแบบเลนส์ไฟหน้า LED ดีไซจ์นทรงสามเหลี่ยม ไฟ Daytime Running Light ให้ความรู้สึกเหมือนปีกเครื่องบิน คู่แข่งในไทย อยู่ในกลุ่มรถยนต์เก๋งไฟฟ้า 4 ประตู เช่น BYD Seal (บีวายดี ซีล), Aion ES (ไอออน อีเอส) และ Tesla Model 3 (เทสลา โมเดล 3) Juneyao Auto จะเปิดแบรนด์ในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41" ก่อนจะเริ่มทำตลาดจริงในปี2568
............................
ลีพมอเตอร์
ค่ายรถยนต์สตาร์ทอัพจากแดนมังกรบริษัท ในเครือของ สเตลแลนทิส (Stellantis) เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ พร้อมสู้ศึกรถยนต์ในไทย
โดยจับมือกับพีเอ็นเอ กรุ๊ป เข้ามาทำตลาด ซึ่งการเปิดแบรนด์จะมีขึ้นในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 ปลายปีนี้เช่นกัน
ลีพมอเตอร์(Leapmotor) บริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศจีน เน้นที่คุณภาพระดับรถยุโรป หนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย และเป็นที่แน่นอนว่าปลายปี 2024 ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรายใหม่อย่าง พระนครยนตรการ (PNA) จะนำแบรนด์ Leapmotor เข้าสู่บ้านเราอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการเปิดตัวรถเอสยูวีไฟฟ้า รุ่น C10 เป็นรุ่นแรก
Leapmotor C10 ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีขนาดกลาง เป็นผลิตภัณฑ์ของ Leapmotor รุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อตลาดโลก โดยเจาะกลุ่มตลาดยุโรป มีมิติตัวรถ ความยาว 4,739 มม. ความกว้าง 1,900 มม. ความสูง 1,680 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,825 มม. ส่วนของระบบขับเคลื่อน Leapmotor C10 ไฟฟ้าล้วน 100 % ในบ้านเราคาดว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 320 นิวทันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.29 วินาที พร้อมชุดแบทเตอรีแบบ LFP ที่มีความจุให้เลือก 2 ขนาด คือ 52.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ 69.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งระยะทางไกลสุดอยู่ที่ 360-420 กม./การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP)
ไฮไลท์ของรถยนต์รุ่นนี้จะใช้พแลทฟอร์ม LEAP3.0 ในชื่อว่า "Four Leaf Clover" ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Leapmotor พัฒนาขึ้นเองแต่เพียงผู้เดียว
คู่แข่ง ในตลาดโดยตรงคือ ดีพอล เอส 07 ,เสี่ยวเผิง จี 6 จีลี อีเอกซ์ 5 (Aion V) ระดับราคาประเมินว่า อยู่ในระดับ 9 แสน-1.1 ล้านบาท
DENZA แบรนด์พรีเมี่ยมตลาด NEV
เพิ่งแถลงข่าวเปิดแบรนด์ไปเมื่อวันที่ พฤศจิกายน 2567 โดย บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวแบรนด์ เดนซ่า(DENZA) ซึ่งแบรนด์นี้ออกแบบมาเจาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับที่สูงกว่า BYD สำหรับ โมเดลแรก ที่เปิดชายคือ DENZA D9
โดยประกาศราคาขายแนะนำ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท และ DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท เป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง เพิ่มอีกด้วย
แบรนด์ DENZA ถือกำเนิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์พลังงานใหม่ โดยพัฒนาและขับเคลื่อนโดยบีวายดีอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ซึ่งได้ปรับโครงสร้างภายในทำให้แบรนด์อยู่ภายใต้บีวายดี 100% โดยยังคงเน้นความโดดเด่นในการหลอมรวมเทคโนโลยีและความหรูหราเข้าด้วยกัน ผ่านการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากหลายประเภทที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นรถครอสโอเวอร์ (Crossover) อย่าง DENZA N7, รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) DENZA N8, รถแฮทช์แบ็กทรงสปอร์ตระดับพรีเมียมอย่าง DENZA Z9 GT และรถตู้อเนกประสงค์ (MPV) DENZA D9 ที่เน้นสมรรถนะ ความหรูหรา และเทคโนโลยีอัจฉริยะ
DENZA D9 มาพร้อมดีไซน์ที่สะท้อนความโมเดิร์นและความหรูหรา เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เราเชื่อว่า
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า DENZA D9 จะไม่เพียงมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และความมั่นใจให้กับทุกการเดินทาง แต่จะพลิกโฉมวงการยานยนต์ลักชัวรี่อเนกประสงค์ในไทยพร้อมกับสร้างความคึกคักให้กับทั้งอุตสาหกรรม อย่างแน่นอน
ด้านการขายและการบริการหลังการขาย โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการของแบรนด์ DENZA โดยเฉพาะ พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป และจะทยอยเปิดเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการใช้รถแบรนด์ DENZA ในอนาคต
โชว์รูมและศูนย์บริการแบรนด์ DENZA นำเสนอบริการระดับพรีเมียมโดยบุคลากรทั้งหมดจาก DENZA ไม่ว่าจะเป็นพนักงานฝ่ายขายและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านสำคัญในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ในประเทศไทย พร้อมมอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงให้กับลูกค้าหลากหลายพื้นที่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ประกอบด้วย
กรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สาธุประดิษฐ์ เพชรบุรีตัดใหม่ และศรีนครินทร์ ต่างจังหวัด 7 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
DENZA D9 ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุด 275 kW และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตร(NEDC) โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ได้ภายใน 6.9 วินาที
ระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างแบบไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะจากบีวายดี
ริดดารา กระบะไฟฟ้าโมโนคอค
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์ซึ่งฉีกแนวการทำตลาดด้วยผลิตภัณฑ์และกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างไปจากรถยนต์จากจีนทั่วไปคือ ริดดารา ซึ่งเปิดแบรนด์ในบ้านเราไปแล้ว เมื่อ 29ตุลาคม 2567 ถือเป็นกระบะไฟฟ้า 100% ที่เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ
เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ตัวแรก คือ RD6 โดยมีให้เลือก 4 รุ่นย่อยคือ
RIDDARA RD6 2WD 63kWh ราคา 899,000 บาท
RIDDARA RD6 2WD 73kWh ราคา 999,000 บาท
RIDDARA RD6 4WD 73kWh ราคา 1,149,000 บาท
RIDDARA RD6 4WD 86kWh ราคา 1,299,000 บาท
สำหรับRIDDARA เปิดตัวอย่างเป็นทางการในจีนในปี 2022 โดยเป็นแบรนด์ในเครือ GEELY Holding Group ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ที่ได้รับความไว้วางใจและยอมรับในระดับสากลโดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลก Fortune Global 500 ติดต่อกันอย่างยาวนาน โดยปัจจุบัน GEELY Holding Group บริหารแบรนด์รถยนต์ชั้นนำหลากหลายแบรนด์ครอบคลุมหลายเซกเมนท์ อาทิ ZEEKR , LYNK&CO, VOLVO, POLESTAR, รวมไปถึง LOTUS ทั้งนี้ RIDDARA มุ่งเน้นที่รถกระบะพลังงานใหม่ เพื่อส่งเสริมให้เกิดวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภค พร้อมยึดหลักการบริหารโดยเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง โดย RIDDARA มีการบริหารงานอย่างอิสระ แต่ยังคงตอบรับและสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของ GEELY Holding Group ในประเทศไทย RIDDARA ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของ บริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด (RIDDARA AUTOMOBILE (THAILAND) COMPANY LIMITED)