Tesla ประเทศไทยประกาศเปิดตัว Tesla Center พระราม 5 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นศูนย์บริการครบวงจรแห่งที่สองของแบรนด์ในประเทศไทย ต่อจากสาขารามคำแหง โดยศูนย์แห่งใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และจังหวัดนนทบุรี ภายในศูนย์มีครบทั้งโชว์รูมจำหน่ายรถ พื้นที่ส่งมอบ และศูนย์บริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถเข้ามาทดลองขับ Model 3 และ Model Y ได้ในที่เดียว พร้อมสัมผัสเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าล่าสุดจาก Tesla
จุดเด่นของศูนย์พระราม 5 คือการนำหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Optimus รุ่นที่ 2 มาจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Tesla ที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้ก้าวล้ำไปไกลกว่าแค่ยานยนต์ไฟฟ้า การเปิดตัวศูนย์บริการแห่งใหม่นี้ช่วยเสริมเครือข่ายของ Tesla ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ มากยิ่งขึ้น และต่อยอดความสำเร็จจากศูนย์บริการรามคำแหงที่ให้บริการในพื้นที่ฝั่งตะวันออก
เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดศูนย์ใหม่ Tesla ได้นำเทคโนโลยี Supercharger V4 เข้ามาติดตั้งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมาพร้อมงานออกแบบกราฟิกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทย ซึ่งผสมผสานความล้ำสมัยเข้ากับเอกลักษณ์ท้องถิ่น เทคโนโลยี Supercharger V4 รองรับกำลังชาร์จสูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ต่อคัน และสายชาร์จที่ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ตัวอย่างเช่น Model 3 Long Range AWD สามารถเพิ่มระยะทางได้สูงสุดถึง 282 กิโลเมตรในเวลาเพียง 15 นาที นอกจากนี้ โครงสร้างยังถูกออกแบบให้สามารถอัปเกรดเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ในอนาคตได้อีกด้วย
เครือข่ายสถานีชาร์จของ Tesla ประเทศไทย ณ วันที่ 26 กันยายน 2568 ประกอบด้วยสถานี Supercharger ทั้งหมด 32 แห่ง รวม 193 หัวชาร์จ และสถานี Destination Charging อีก 13 แห่ง รวม 52 หัวชาร์จ นอกจากนี้ยังมีครัวเรือนมากกว่า 10,000 ครัวเรือนที่ติดตั้งเครื่องชาร์จติดผนังไว้ที่บ้านแล้ว เครือข่ายที่ครอบคลุมนี้ช่วยให้ผู้ใช้ Tesla ได้รับประสบการณ์การชาร์จที่ครบถ้วน ทั้งที่บ้าน ระหว่างเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือระหว่างขับรถทางไกล
Model 3 และ Model Y ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดระดับโลก ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น ความปลอดภัยสูง เทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว โดย Model 3 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท ส่วน Model Y เริ่มต้นที่ 1,719,000 บาท รถทุกคันของ Tesla ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านระบบอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-the-Air (OTA) ซึ่งในปี 2567 มีฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงมากกว่า 250 รายการ และในปี 2568 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการอัปเดตไปแล้วมากกว่า 70 ครั้ง เพื่อยกระดับสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ตลอดอายุการใช้งานของรถ
ศูนย์พระราม 5 ยังให้บริการหลังการขายที่ครบวงจร ซึ่งรวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA การวิเคราะห์ปัญหาจากระยะไกล และการใช้แอป Tesla ในการควบคุมรถหรือเรียกใช้บริการต่าง ๆ เจ้าของรถยังสามารถใช้บริการ Mobile Service และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ปัจจุบัน Tesla มีศูนย์บริการทั้งหมด 5 แห่งทั่วประเทศ ทั้งแบบครบวงจรและแบบ Service Express เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างทั่วถึง และลดความยุ่งยากในการดูแลรถยนต์ไฟฟ้าในทุกขั้นตอน




