ในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์หลายรายอาจจะพลาดกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากได้ เนื่องจากมุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่และมีราคาแพงเกิน Demand มากไป
ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ไม่ว่าจะเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ ต่างก็ประเมินอัตราการเติบโตของกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าด้วยความต่อเนื่องมากเกินไป จนบางทีก็ลืมประเมินไปเสียว่ากลุ่มตลาดลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการอะไร ทำให้หลายรายต้องลดการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในขณะนี้ และจากผลการศึกษาล่าสุดพบว่าพวกเขาเข้าใจผิดถึงต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า
ความไม่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ผู้ซื้อต้องการกับผู้ผลิตรถยนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการตลาดที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของอุตสาหกรรม เช่น ในช่วงที่เกิดโรคระบาด หลายแบรนด์ต่อสู้ด้วยการอัดเทคโนโลยีให้กับรถยนต์ของตนมากขึ้น และพยายามถีบตัวเองเพื่อขึ้นไปยืนบนตลาดพรีเมียมแบรนด์ รวมถึงพยายามสร้างรถให้หรูหรายิ่งขึ้น เนื่องจากต้องการผู้ซื้อที่มีกำลังทรัพย์ เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤตโรคระบาดในช่วงนั้น แต่อย่างไรก็ตาม เกิดภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตเศรษฐกิจ และปัจจัยอื่น ๆ ส่งผลให้รถยนต์พรีเมียมมีราคาสูงขึ้นมากเกินกว่าที่ผู้ซื้อทั่วไปจะจ่ายไหว
จากผลการสำรวจของ Edmunds บ่งชี้ว่า ผู้ซื้อ EV ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อราคาที่ต้องจ่ายเป็นพิเศษ
จากการสำรวจของร้านค้าต่าง ๆ พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่ตั้งใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (47%) ต้องการรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท (40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยร้อยละ 22 ตั้งเป้าที่ราคาต่ำกว่า 1.1 ล้านบาทเสียด้วยซ้ำ (30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งในความเป็นจริงของตลาดในวันนี้ ไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าคันไหนเลยที่มีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีเพียง 4 คันเท่านั้นที่มีราคาต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ คือ
- Mini Hardtop 2 Door
- Nissan Leaf
- Fiat 500e
- Hyundai Kona Electric
จากข้อมูลของ Edmunds ในปี 2023 ราคาซื้อขายเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 2.26 ล้านบาท (61,702 ดอลลาร์) ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของยานพาหนะทั่วไป อยู่ที่ 1.73 ล้านบาท (47,450 ดอลลาร์)
Edmunds ยังเผยให้เห็นว่า 90% ของเด็กวัยรุ่นอายุ 18 ถึง 24 ปีกล่าวว่าพวกเขาสนใจซื้อ EVสำหรับการซื้อครั้งต่อไป และ 83% ของคนช่วงอายุ 24 ถึง 34 ปีกล่าวว่าพวกเขาสนใจเช่นกัน เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้บริโภคสว่นใหญ่ในตลาดสนใจที่จะซื้อ EV แต่อาจไม่อยู่ในสถานะทางการเงินที่จะจ่ายได้
เมื่อพูดถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ผู้บริโภคไว้วางใจมากที่สุด
ผลการสํารวจของ Edmunds จะเห็นว่า Tesla ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่น่าเชื่อถือที่สุดตามผลการสํารวจครั้งนี้