ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของอุตสาหกรรม รถยนต์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จนทั่วโลกขนานนามว่า"ดีทรอยด์แห่งเอเซีย" ความสามารถในการผลิตของไทยสูงมากจากการ สร้างรากฐานที่สำคัญมากว่า 60 ปี ประวัติศาสตร์การพัฒนาที่ทำให้ไทยโดดเด่น ในฐานะศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค แต่ปัจจุบันความแข็งแกร่งในแง่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยกำลังจะปริแตกจากปัจจัยหลายอย่าง สิ่งนี้ไม่ได้สะท้อนภาพเกินจริง เพราะหลังจากตลาดในประเทศอ่อนแอลงมากโดยไม่มีการเหลียวแลจากภาคนโยบาย ประกอบการการดำเนินนโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานใหม่ที่ก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียม ทำให้การลงทุนหรือการรักษาฐานดั้งเดิมไม่จูงใจต่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์อีกต่อไป เห็นได้จากการเริ่มปิดโรงงานหรือหาแหล่งซัพพลายรถยนต์จากแห่งใหม่ โดยการโยกการผลิตออกนอกประเทศ
บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมได้เริ่มกระจายฐานการผลิตไปสู่ประเทศอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงประเทศที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียตนาม กำลังทำให้ไทยต้องกลายเป็นเพียงตลาด ไม่จำเป็นต้องมีกิจกรรมการผลิต ล่าสุด การนำเข้ารถยนต์จากแห่งการผลิตใหม่ๆ เช่น เวียตนามโดยฮุนได มอเตอร์ นำเข้ารถยนต์รุ่น PALISDDE ชี้ให้เห็นภาพความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตที่ว่า ไทยในฐานะผลิตกำลังลดความสำคัญลงไป
เวียตนามส่งรถเข้าไทยครั้งประวัติศาสตร์
ฮุนได พาลิเสท เป็นรถยนต์เอสยูวี 3 แถว 7ที่นั่งรุ่นแรกที่ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นรถยนต์เกาหลีที่ผลิตในเวียตนามและนำเข้าสำเร็จรูป(CBU)จากเวียตนามรุ่นแรกเข้ามาจำหน่ายยังตลาดประเทศไทย ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่เวียตนามสามารถผลิตรถยนต์และส่งมาไทยได้ แม้ว่า ก่อนหน้านี้ จะมีค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของเวียตนามเองคือวินฟาสต์ เตรียมตัวทำตลาดในไทยแต่สุดท้าย วินฟาสต์ก็ถอนตัวออกไป
ความสำคัญของการที่ ฮุนได มอเตอร์ สั่งรถจากเวียตนาม เข้ามาจำหน่ายในตลาดไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสต์ นั้น กำลังชี้ให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของไทย เริ่มมีความเสี่ยง ทั้งนี้มีรายงานว่า ฟอร์ด กำลังสนใจเพิ่มบทบาทฐานการผลิตในเวียตนามเพราะ สามารถจำหน่ายรถยนต์กระบะเรนเจอร์ได้จำนวนมาก มีโอกาสที่จะส่งออกรถยนต์บางรุ่นจากแหล่งผลิตแห่งนี้ในอนาคต
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในไทย
-
ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในไทย
ประเทศไทยมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบางประเทศในอาเซียน เช่น เวียดนาม หรือ อินโดนีเซีย ที่มีค่าแรงถูกกว่า และอาจได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการลงทุนที่ดีกว่า -
การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในยุคที่ตลาดรถยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผู้ผลิตรถยนต์ต้องการฐานการผลิตที่สามารถรองรับการพัฒนาและผลิตรถยนต์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ ความสามารถในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการแข่งขัน -
ความสะดวกในการเข้าถึงตลาด
ถึงแม้ว่าผู้ผลิตจะกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน แต่ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่มีการบริโภคสูง และมีโครงสร้างการส่งออกที่ดี ดังนั้นการผลิตในประเทศไทยยังคงมีความสำคัญในการเข้าถึงตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ -
การเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มการผลิต (EV และ Mobility)
หากประเทศไทยสามารถปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีอัตโนมัติ ก็จะสามารถรักษาตำแหน่งเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคได้ นอกจากนี้ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ EV เช่น สถานีชาร์จ และนโยบายที่สนับสนุนการพัฒนา EV จะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความแข็งแกร่ง -
การกระจายฐานการผลิตในภูมิภาค
แม้ว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ แต่การที่ผู้ผลิตรถยนต์เริ่มกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ๆ จะทำให้ประเทศไทยต้องแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ดังนั้น อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยอาจต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนต่าง ๆ เช่น การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก หรือการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง