"เนต้าไม่ใช่ค่ายใหญ่ เนต้าไม่ใช่ค่ายที่มีรากเง่า วิศวกรรมยานยนต์ ไม่ได้รับแรงบันดาลใจด้านรถยนต์โดยตรงหรือเกิดเพราะเพนพอยท์ด้านยานยนต์ เนต้าเป็นเพียงสต๊าทอัพด้านซอฟแวร์ที่เล็งเห็นโอกาส เข้าสู่
อุตสาหกรรมรถยนต์ เนต้าเป็นแค่รถจีน ผู้ถูกขจัดโดยจีนที่แข็งแกร่งกว่า"
Neta (หรือ Nezha Auto) เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ได้รับความนิยมในช่วงแรกของการเติบโตของตลาด EV ในจีน แต่ในปัจจุบันเผชิญความท้าทายที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ
โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มีการแข่งขันสูง การขยายตลาดระหว่างประเทศ เช่น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระยะสั้นได้เพิ่มภาระต้นทุนโดยไม่สร้างรายได้มากเพียงพอ ทำให้มีรายงานการขาดทุนต่อเนื่องหลายปี
เนต้า มีปัญหาทางการเงินในจีน ในที่สุดส่งผลกระทบต่อแผนธุรกิจและการลงทุนในไทยอย่างชัดเจน
25 พ.ย.2567 -รายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ ในเครือเนชั่น ระบุว่า โรงงานผลิตเนต้า EV ที่นิคมบางชัน เตรียมปลดพนักงาน 400 คน หลังจากยอดขายเนต้าร่วง 45.8 % บางชัน เยนเนอเรล เอเซมบลี เป็นโรงงาน
ที่รับจ้างผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้เนต้า แม้ว่า เนต้า ออโต้ ไทยแลนด์ จะยืนยันว่าไม่มีพนักงานของตนเองถูกเลิกจ้างอย่างไรก็ตาม ปฏิเศษไม่ได้ว่า การที่บางชันเลิกจ้าง Sub-contractor หรือ พนักงานบริการรับจ้างเหมาแรงงาน
แต่ Sub-contractor เหล่านั้นก็ทำให้เนต้ามีผลผลิตออกมาขาย ดังนั้น ผลการลดคนงานของบางชันฯได้สะท้อนความจริงที่ว่า ยอดผลิตเนต้าจะต้องลดลง ซึ่งจากยอดขายเนต้า 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.67) ลดลง 45.8 % อย่างไรก็ตามยอดขายของเนต้า
มีอัตราลดลงมาก อาจจะเกิดจาก ตัวเลขฐานลูกค้าที่เติบโตมากในช่วง2ปีแรกที่เนต้าเข้าตลาด ในขณะที่ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยก็ผันผวน มากเช่นกัน
แต่ข่าวการปลดคนที่ บางชัน ต้องยอมรับว่า เป็นไปในแนวทางเดียวกับ โฮซอน ออโต้ บริษัทแม่ของ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และในปีที่ผ่านมาเจอกับปัญหาขาดสภาพคล่อง
จนต้องหยุดสายการผลิตที่โรงงานเจ้อเจียง ประเทศจีน ซึ่งเป็นโรงงานหลัก
เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เดินสายการประกอบรถแบบ CKD ที่ บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลีเป็นที่แรกของโลก ที่อยู่นอกประเทศจีน
โดยในปี 2566 บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ร่วมมือกับ บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี ของตระกูลจึงสงวนพรสุข เปิดสายการผลิต Neta VII เป็นรุ่นแรก (เร่มส่งมอบรถ CKD เมื่อเมษายน 2567)
หลังจากผ่านไป 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.67) เนต้า ทำยอดขายจากรถยนต์ไฟฟ้า EV 2 รุ่นคือ Neta V Neta VII และ Neta X รวมกันได้ 6,534 คัน ลดลง 45.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในขณะที่ ฐานเศรษฐกิจยังรายงานว่า ดีลเลอร์เนต้า หลายรายได้ยกเลิกสัญญา เพื่อไปขายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่น ส่วนหนึ่งมาจากยอดขายที่ลดลง และการบริหารจัดการสต๊อก ที่เนต้า ออโต้ ไทยแลนด์ ผลักดันให้ดีลเลอร์รับภาระ
อีก ทั้งจ่ายอินเทนซีฟ ให้ดีลเลอร์เป็นรถยนต์แทนเงิน อีกด้วย
เนต้า เน้นทำตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับเริ่มต้น (entry-level EV) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญในไทย ดูเหมือนเริ่มเป็นกลุ่มลูกค้าที่ได้รับกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นกลุ่มแรกๆ ในขณะที่ข้อมูลของเนต้า พูดถึงตัวเอง
ซึ่งเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ยังคงมีแต่ภาพสวย ทั้งที่ในเวลานี้ สื่อจีนต่างออกมา รายงานถึงความตกต่ำของเนต้าเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลที่ เนต้า เผยแพร่ในไทย คือ NETA AUTO เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อัจฉริยะพลังงานใหม่ที่ให้บริการในตลาดมวลชนทั่วโลก โดยเป็นแบรนด์ภายใต้บริษัท Hozon New Energy Automobile จำกัด (Hozon) ในฐานะผู้ผลิต
นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะชั้นนําของอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับสากลและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
บริษัทฯ มุ่งเน้นปรัชญาในการ “สร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมสําหรับทุกคน” และการ “สร้างยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้”
ปัจจุบันมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาดรวม 5 รุ่น ได้แก่ NETA GT, NETA S, NETA X, NETA V-II และ All-New NETA L โดยมียอดจำหน่ายรถยนต์รวมกว่า 400,000 คัน อีกทั้งยังอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีน โดยในปี 2564 ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตสูงสุดในกลุ่มบริษัทรถยนต์เกิดใหม่ หรือ สตาร์ทอัพ และในปี 2566
ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดการจำหน่ายในต่างประเทศสูงสุดในกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพในจีน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนามบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยได้เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรคือ
“สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า…เพื่อทุกคน”
สิ่งที่น่าสนใจคือ สถานการณ์ของเนต้า นั้นไม่ได้เกิดปัญหาเฉพาะการลดลงของยอดขายในไทย แต่เนต้าไม่สามารถ ขายรถแข่งขันได้กับ ค่ายรถจีนด้วยกันเองในแดนแม่ สื่อจีนรายงานอย่างตรงไปตรงมาว่า
เนต้า อยู่ระหว่างการหาเงินทุน แม้ว่าจะได้มาจากรัฐบาลเจ้อเจียง เพื่อฟื้นฟูสายการผลิตหลักใน
การเร่งโตของยานยนต์ฝั่งจีนและการแข่งขันที่เกิดจากความ ส่งผลต่อแบรนด์รถยนต์เกิดใหม่อย่างเนต้าไม่สามารถทนทานต่อไปได้จากแรงกดดันได้ เนต้าจีนจึง เข้าสู่โซนอันตรายมายาวนาน
ถ้าดูจากรายงานของบรรดาสื่อในจีนได้กล่าวถึงความล้มเหลวในด้านยอดขายของแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ที่เกิดจากสต๊าทอัพ ซึ่งเนต้าเป็นหนึ่งในแบรนด์เหล่านี้ที่ไม่สามารถทำยอดขายและดำเนินธุรกิจ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายได้
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม Gasgoo ได้รายงานว่า รถเนต้า จากการผลิตชุดเล็กได้ทะยอย กลับมาดำเนินการต่อ และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศหลายร้อยรายการ ก็เตรียมเพื่อจัดส่งเป็นที่เข้าใจกันว่าที่งานมหกรรมยานยนต์ 2567
ที่เมืองทองธานี ที่เพิ่งจบไป เนต้า ได้รับคำสั่งซื้อ 2,016 คัน ซึ่งถือเป็นแถวหน้าของรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดไทย ข่าวข้างต้นถือเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับเนต้าในปัจจุบัน มีรายงงานว่า เนต้า
กำลังสำรวจตลาดต่างประเทศอย่างแข็งขัน เช่นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 เนต้า ประกาศว่าเพิ่งลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ PT Luxury Trans Indonesia ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในอินโดนีเซีย
เพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกอย่างเป็นทางการ นี่เป็นหลักชัยสำคัญสำหรับทั้งสองฝ่ายในการสนับสนุน การเปิดตัวโซลูชั่นการขนส่งที่สะอาดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอินโดนีเซีย
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน เนต้า พันธมิตร PT Surya Mobil Abadi ได้เปิดตัวตัวแทนจำหน่าย 3S ล่าสุด ในพื้นที่ ของPluit ซึ่งตั้งอยู่ในจาการ์ตาตอนเหนือ ถือเป็นสาขาที่ 11
ความหวังคือ ไทยหัวใจEVอาเซียน
ความอ่อนแอของเนต้าได้ทำให้ ต้องเผชิญปัญหาของลูกค้า ที่เกิดจากสาเหตุบางอย่างที่ทำให้ลูกค้าไม่ชอบหรือทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้น จนทำให้ลูกค้าต้อง แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยตัวเอง เช่น ปัญหาทางด้านวิศวกรรมซึ่งฝ่าย
เทคนิคของเนต้า ยังไม่สามารถนำไป แก้ไขในระดับ การผลิตได้ รวมถึง การซื้อสินค้าหรือใช้บริการบางอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์
เนต้า ที่กำลังประสบปัญหาในการดำเนินงาน เช่นนี้ ได้ส่งผลต่อตลาดไทยในหลายแง่มุม โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นในคุณภาพ การบริการหลังการขาย ของรถนต์จากจีนโดยรวม และในส่วนของแบรนด์เนต้าเอง
แบรนด์และความเชื่อมั่นในระยะยาวจะฟื้นกลับมายากมาก แม้จุดยืนของเนต้าจะเหมือนกับจุดยืนของค่ายรถยนต์จีนทั่วไปคือ มีจุดเด่นในด้านเทคโนโลยีและราคา
ที่คุ้มค่า แต่การจะประสบความสำเร็จในตลาดไทย ที่จำเป็นต้องมีการสร้าง สร้างความน่าเชื่อถือทุกมิติและ กรณีเนต้าได้ทำให้ผู้บริโภคไทยได้รู้ว่า การยอมรับแบรนด์ใหม่ๆ เร็วเกินไป โดยไม่ดูให้ดี
มีแต่ผลเสียมากกว่าผลดีที่ได้ในระยะสั้นๆ