คือรถที่มีการผลิตทั่วโลกเพียง 500 คันและกลายเป็นรถที่มีราคาแพงที่สุดในพอร์ตของBMW ประเทศไทย
BMW XM Label Red เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่งาน เซียงไฮ ออโต้ โชว์ ปี 2023 ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในภูมิภาคการขายที่สำคัญที่สุดควบคู่ไปกับสหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง XM Label Red พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายระดับโลก ลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ และหลงใหลในรถสมรรถนะขั้นสูงที่ก้าวข้ามกรอบเดิมๆ สำหรับการผลิตเริ่มเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ที่โรงงาน BMW Group Spartanburg ในสหรัฐอเมริการุ่นท็อปสุดนี้จำกัดการผลิตเพียง 500 คัน รถที่มาจำหน่ายในไทยจึงเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปโดยมีภาระภาษีสรรพสามิต 40% อันเป็นภาษีสูงสุดของบรรดารถไฮบริดนำเข้าเทียบเท่า ตระกูล ไฮบริดของ เฟอร์รารี่ เบนทลีย์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และซูเปอร์ คาร์อื่นๆ
การออกแบบสีภายใน
XM Label Red ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "คาดแดง"ดังนั้นเราสามารถมองเห็น โทนสีดำ/แดง ในการตกแต่งทั้งภายนอกภายใน โดยสีแดงถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับรถไม่ว่า ส่วนบนของพนักพิงศีรษะ เบาะนั่งสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า และเบาะหลัง การเย็บสีแดงตัดกันสำหรับพื้นผิวสีดำของเบาะ แผงหน้าปัด แผงประตู และคอนโซลกลาง ช่องระบายอากาศ การตกแต่ง ตรา "XM" ใต้จอควบคุม ส่วนแถบตกแต่งภายในตกแต่งด้วยลายคาร์บอนไฟเบอร์ซาติน Label Red จะมีป้ายเขียนว่า "1 จาก 500"แสดงให้เห็นถึง ลำดับการผลิต
การออกแบบภายนอก
การออกแบบภายนอกของ XM Label Red มีความโดดเด่นอย่างยิ่งโดยอิงกับฟอร์มของ BMW M1 รถในตำนานซึ่งถูกมองว่าเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงเช่น สัดส่วนล่ำสัน เส้นแบบไดนามิคภายนอกเน้นรูปลักษณ์ของ พื้นผิวขนาดใหญ่ เส้นสายที่ชัดเจน รูปลักษณ์ด้านหน้า เน้นลักษณะเฉพาะของ XM Label Red ด้วยแถบเส้น สีแดงโตรอนโตเมทัลลิก ( Toronto Red) เรียกทุกสายตาที่จ้องมองการใช้สีแดงยังรวมถึงตราสัญลักษณ์ของรุ่นและขอบล้ออีกด้วย XM Label Red ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน กรอบกระจังหน้าไตคู่และใส่ดิฟฟิวเซอร์สีดำ ผสมผสานกับสีตัวถังในสีคาร์บอนแบล็คเมทัลลิก Frozen Carbon Black ลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีภายนอกเป็นสีเคลือบพิเศษของ BMW Individual ที่มีให้เลือกมากกว่า 50 สี ซึ่งสีเหล่านี้มีความคมชัดส่องแสงแวววาว
ห้องโดยสาร สไตล์รถสปอร์ตได้รับการปรับปรุง ปุ่ม M Hybrid ใช้เลือกโหมดการทำงานที่ต้องการสำหรับระบบขับเคลื่อน ในขณะที่ปุ่ม Setup เพื่อการเข้า ไปยังการกำหนดค่าของระบบส่งกำลัง แชสซี พวงมาลัย ระบบเบรก และ M xDrive พวงมาลัยหุ้มหนัง M มีส่วนประกอบตกแต่งในโครเมียมสีดำ พร้อมด้วยปุ่ม M และแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่มีการฝังคาร์บอน ซึ่งมีสัญลักษณ์บวกและลบเป็นสีแดง คุณสมบัติพิเศษเฉพาะของ XM Label Red คือสัญลักษณ์ที่ระบุ Boost Mode บนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านซ้าย
ภายในคอนเซ็ป M Lounge
การออกแบบที่หรูหรา ความรู้สึกกว้างขวางของพื้นที่ วัสดุคุณภาพสูง ทำให้พื้นที่ด้านหลัง ของนรถกลายเป็น M Lounge ที่มีพนักพิงแบบปรับระดับความร้อนได้ และเบาะนั่งทำจากหนัง Merino พร้อมเดินด้ายสีแดงตัดกัน และตราสัญลักษณ์ "XM" แผงบุหลังคาที่แกะสลักอย่างสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยโครงสร้างปริซึมสามมิติ มีไฟ LED 100 ดวงสำหรับส่องสว่าง ระบบไฟส่องสว่างโดยรอบ, ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ 4 โซน, ระบบเสียงเซอร์ราวด์ Harman Kardon และ Travel & Comfort System ลูกค้าสามารถ เลือกติดตั้ง ชุดเครื่องเสียงของ Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 1,475 วัตต์ และลำโพงเพิ่มเติมอีก 4 ตัว เพิ่มได้ในบริเวณหลังคา
M HYBRID ขุมพลังรถแข่ง748แรงม้า
ระบบ M HYBRID ใน XM Label Red แสดงให้เห็นถึงความเร้าใจของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า การทำงานร่วมกันอย่างแม่นยำของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ V8 ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการส่งกำลังในทันที การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากัน ด้วย แนวคิด ของรถแข่ง BMW M Hybrid V8 Endurance ใหม่ ซึ่งเปิดตัว ในการแข่งขัน 24 Hours of Daytona ในซีรีส์ IMSA อเมริกาเหนือในปีนี้
กำลังของระบบเครื่องยนต์ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ทำให้กำลังรวมของรถ อยู่ที่ 550 กิโลวัตต์/หรือ 748 แรงม้า ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นมาตรฐานของ BMW XM ทั่วไป ถึง95 แรงม้า แรงบิดของรถ เพิ่มขึ้นเป็น1,000 Nm (737 lb-ft)ส่งกำลังไปยังล้อ ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive เมื่อใช้ร่วมกับองค์ประกอบเฉพาะของเทคโนโลยีแชสซีและระบบส่งกำลังและการควบคุมแชสซีที่ทำงานรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง สิ่งนี้จะสร้างประสบการณ์ด้านสมรรถนะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมไดนามิกและความคล่องตัวในระดับใหม่ทั้งหมด
มอเตอร์ไฟฟ้าของระบบ M HYBRID ยังใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้กำลังการดึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ถูกรวมเข้ากับระบบเกียร์ M Steptronic 8 สปีดที่ควบคุมด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีการตอบสนองทันทีต่อการเคลื่อนที่คันเร่งเพียงเล็กน้อย
มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า ให้กับระบบเอาท์พุตสูงสุดของ BMW XM Label Red และพัฒนาแรงบิดปกติที่ 280 นิวตันเมตร (206 ปอนด์-ฟุต) ขั้นตอนก่อนเข้าเกียร์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย BMW ใช้เพื่อเพิ่มแรงบิดที่เกิดจากมอเตอร์ให้มีประสิทธิผลสูงสุดที่ 450 นิวตันเมตร (332 ปอนด์-ฟุต) ที่อินพุตการส่งผ่านของมอเตอร์ ด้วยวิธีนี้ มอเตอร์ขนาดกะทัดรัดจึงสามารถให้แรงบิดที่เพิ่มขึ้นได้ตามปกติโดยใช้ยูนิตที่ใหญ่กว่าและหนักกว่ามากเท่านั้น
XM Label Red ใช้เวลาเพียง 3.8 วินาทีในการเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่ 250 กม./ชม. แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 290 กม./ชม. สำหรับรถยนต์ที่มีอุปกรณ์เสริม M Driver's Package
XM Label Red มีอัตราการใช้น้ำมันโดยเฉลี่ย 1.7 - 1.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ( WLTP) การใช้พลังงานไฟฟ้ารวม 34.5 - 33.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร และการปล่อย CO2 ที่ 39 - 35 กรัมต่อกิโลเมตร
สำหรับแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง BMW IconicSounds Electric, เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูง เทคโนโลยีBMW eDrive รุ่นที่5 มีความจุ 25.7 kWh สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทาง 75 - 83 กิโลเมตร ( WLTP)ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในโหมดไฟฟ้า คือ 140 กม./ชม. ระบบชาร์จ สามารถชาร์จ AC รองรับสูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ ซึ่งหมายความว่า สามารถเติมประจุจาก 0-100 % ภายใน 4.25 ชั่วโมง
การยึดเกาะสูงสุด
XM Label Red ก้าวสู่ทุกความท้าทายสมรรถนะแบบสปอร์ตที่ ขับขี่แบบสบาย ๆ ผู้โดยสารผ่อนคลายในการเดินทางไกล เทคโนโลยีแชสซีอันซับซ้อนของรถทำให้มีคุณลักษณะพิเศษ อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ XM Label Red ได้แก่ ระบบกันสะเทือนแบบ M แบบปรับได้ ซึ่งมีแดมเปอร์ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบป้องกันการสั่นไหวแบบแอ็คทีฟพร้อม Active Roll Comfort
และ Integral Active Steering ระบบเบรก M Sport ประกอบด้วยเบรกคาลิเปอร์แบบคงที่ 6 ลูกสูบที่ล้อด้านหน้า และเบรกคาลิปเปอร์แบบลอย ลูกสูบเดี่ยวที่ด้านหลัง
เทคโนโลยี ป้องกัน การลื่นไถลของล้อ ที่ผสานรวมเข้ากับการจัดการเครื่องยนต์และฟังก์ชันการควบคุม ส่งผลให้ประสบการณ์การขับขี่ได้รับการแก้ไขอย่างดี ในทุกสถานการณ์ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ถ่ายทอดกำลังที่สร้างจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าระหว่างล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และตรงตามความต้องการตลอดเวลา เพิ่มความคล่องตัวของ XM Label Red และเด่นชัดเป็นพิเศษในโหมด 4WD Sport โหมด 4WD Sand ที่เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะเนินทรายและพื้นผิวที่คล้ายกันโดยเฉพาะ จะสามารถเปิดใช้งานได้ผ่านเมนูการตั้งค่า M สิ่งที่ต่อยอดมาจากการทำงานของระบบ M xDrive
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง
XM Label Red นำเสนอระบบขั้นสูงสำหรับการขับขี่อัตโนมัติและการจอดรถ เทคโนโลยีที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ Driving Assistant ซึ่งประกอบด้วย Front Collision Warning, Lane Departure Warning รวมถึงการกลับเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว, Evasion Assistant, Alertness Assistant และระบบข้อมูลจำกัดความเร็ว ตัวเลือก Driving Assistant Professional จะนำระบบควบคุมความเร็วคงแบบแอ็คทีฟพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go มาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและเลน การจดจำสัญญาณไฟจราจร ระบบช่วยจำกัดความเร็วอัตโนมัติ และการนำทางแบบแอ็คทีฟ
ระบบช่วยจอด(Parking Assistant Plus)ยังเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย นอกเหนือจากระบบช่วยถอยหลังแล้ว ระบบนี้ยังเพิ่ม Parking View, Front และ Rear Panorama View และ 3D View ให้กับฟังก์ชั่นต่างๆ อีกด้วย
XM Label Red มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน BMW Live Cockpit Professional ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ยานยนต์หลายประสาทสัมผัส BMW iDrive เจเนอเรชันล่าสุด โดยอิงตามระบบปฏิบัติการ BMW 8 เวอร์ชัน M ระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบการจัดกลุ่มหน้าจอและผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ สามารถควบคุมแบบสัมผัสและด้วยท่าทาง รวมถึงการสั่งงานด้วยเสียงด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ
BMW Live Cockpit Professional ยังมีระบบนำทาง BMW Maps บนคลาวด์อีกด้วย ตัวเลือก BMW Digital Key Plus ช่วยให้ลูกค้าสามารถล็อคและปลดล็อค XM Label Red ได้โดยใช้ Apple iPhone ด้วยเทคโนโลยีวิทยุความถี่กว้างพิเศษ (UWB) เชื่อมต่อระบบสมาร์ทโฟด้วย Apple CarPlay® และ Android Auto™ ยังมีฟังก์ชั่น BMW ID ระหัสส่วนบุคคล ติดตั้งมาพร้อม eSIM เทคโนโลยี 5G
ราคาในประเทศไทย
ในประเทศไทย สามารถหาซื้อรถคันนี้ได้โดยราคาอย่างเป็นทางการจากบีเอ็มดับเบิลยู ไทยแลนด์คือ 17.199 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาที่แพงที่สุดเท่าที่จะซื้อบีเอ็มดับเบิลยูได้ โดยในไลน์โปรดักซ์ของบีเอ็มดับเบิลยูรถรุ่นที่มีราคารองลงจาก XM Label Red คือ BMW M4 Competition M xDrive Coupe ราคา 10.099ล้านบาท ส่วนหากใครต้องการครอบครองแบรนด์BMW จะต้องกำเงิน 1.889ล้านบาท สำหรับรุ่นถูกสุดคือ 220i Gran Coupe M Sport เห็นราคาXM Label Red อย่างนี้แล้วขับรถบนถนนต้องระวัง BMWคาดแดง อย่างอยู่ใกล้ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ขายไร่ขายนาหมดตัวไม่รู้จะพอใช้หนี้หรือเปล่า