EN / TH

จับตาญี่ปุ่นเคลื่อนทัพอีวีด้วยระยะวิ่ง1000 กม.

8 กันยายน 2567

Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé สปอร์ตคูเป้เบนซิน 6 สูบ เปิดราคาประกอบไทย 5,250,000 บาท

7 กันยายน 2567

เกรทวอลล์ ลุยแหลกแต่ วินฟาสต์ไม่ไปต่อ

3 กันยายน 2567

"เชอรี่"มาแนวใหม่จับมือ KGEN ทุนไทยร่วมผลิต OMODA&JAECOO

23 สิงหาคม 2567

‘เอ็กซ์เผิง เคาะราคา ‘จีซิกส์ 1.43 ล้าน พร้อมเปิดแบรนด์อย่างเป็นทางการ

21 สิงหาคม 2567

เอ็มจีเปิดตัว MG3+ เคราะราคาเริ่มต้น 5.59แสน 1,000 คันแรก

20 สิงหาคม 2567

ฟอร์ด เปิดจำหน่ายชุดแต่งพิเศษ ‘แอดเวนเจอร์แพ็ค’

19 สิงหาคม 2567

นิสสันปรับใหญ่ "นาวาร่า" เพิ่มระดับพรีเมี่ยมห้องโดยสาร

16 สิงหาคม 2567

ซีตรอง ถอนตัวจากตลาดออสเตรเลีย หลังทำธุรกิจกว่า100 ปี

16 สิงหาคม 2567

เบื้องหลังฮอนด้าปรับเกมตลาดปิดช่องโหว่กลุ่มลูกค้าอ่อนไหวด้านราคา

5 สิงหาคม 2567

ตลาดรถครึ่งปี67 ร่วง24.2%แนวโน้มครึ่งปีหลังทรุดต่อ

31 กรกฏาคม 2567

เกมเชนจ์ บอร์ด EV รั้งทุนญี่ปุ่่นฟาดกลับจีน

27 กรกฏาคม 2567

ไม่พบข้อมูล

กลับไปหน้า รถยนต์

เอ็มจีเปิดตัว MG3+ เคราะราคาเริ่มต้น 5.59แสน 1,000 คันแรก

20 สิงหาคม 2567| จำนวนผู้เข้าชม 170

กรุงเทพฯ – 20 สิงหาคม2567 - นายซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย)  บริษัท ในเครือ  บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด  ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจี เปิดเผยว่าบริษัทได้เปิดตัว รถยนต์รุ่น MG3+ ใหม่อย่างเป็นทางการ  เพื่อรุกตลาดรถกลุ่มบี เช็คเมนท์(B-Segment) และกระตุ้นตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปี  สำหรับ  ALL NEW MG3 HYBRID+   เป็นรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะสูงภายใต้คอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล”ยนตรกรรมที่พลัสมาให้ครบ แรงขับสนุก ประหยัด พร้อม เทคโนโลยีไฮบริด โดยมุ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในราคาครอบครองได้ง่าย สำหรับสาธารณะ จะมีการเปิดให้สัมผัสตัวจริงและทดลองขับได้ที่งาน BIG MOTORSALE 2024 และที่โชว์รูมเอ็มจี กว่า 150 แห่งทั่วประเทศ



การเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเอ็มจีในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในวงการยานยนต์ไทยและระดับโลก ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ความคุ้มค่า และการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ALL NEW MG3 HYBRID+จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มองหายานพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของ เอ็มจีในการก้าวสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน



MG3 HYBRID+โกลบอลโมเดล
MG3+เป็นรถแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตู เป็นรถที่ออกมามาเพื่อจำหน่ายทั่วโลก (โกลบอลโมเดล)  ผลิตจากสายการผลิตในประเทศไทย(CKD)มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล”  ผสานความลงตัวระหว่างการขับสนุก และความประหยัดเต็มประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมครอบคลุมทุกระบบการขับเคลื่อน โดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ เทคโนโลยีใหม่จาก เอ็มจี ที่จะเปลี่ยนทุกความคุ้นชินของรถไฮบริดในรูปแบบเดิมๆ ด้วยระบบไฮบริด  8 โหมด ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของผู้ขับขี่ และสามารถขับได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร/การเติมน้ำมัน 1 ถังและมี อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 26.2 กิโลเมตร/ลิตร


ภายนอก สปอร์ต โฉบเฉี่ยว 
การออกแบบ ALL NEW MG3 HYBRID+ ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ รถแฮทช์แบ็ก  5 ประตู  ดีไซน์ไฟหน้าแบบใหม่ Hunter Eye Headlamp หรือดวงตานักล่า ที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบรอบตัวถังเน้นความโค้งมนตามแบบฉบับของ เอ็มจี มี ขนาดของตัวถัง  4,113 x 1,797 x 1,502 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)ระยะความยาวฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตรระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตรมิติ  พร้อมไฟหน้า แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สาม ไฟตัดหมอกหลัง ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และพับอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมใบปัดน้ำฝนด้านหลัง ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว


การออกแบบภายใน
ภายในสปอร์ตอย่างมีสไตล์ สะดวกสบาย ครบจบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับ วัสดุที่มีคุณภาพพร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ เน้นความสะดวกในการใช้สอย สำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ทั้งเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน โดยเฉพาะการออกแบบห้องโดยสารที่โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room)และพื้นที่วางขา (Leg room) ที่ไม่อึดอัดโดย  MG3 HYBRID+ ถือเป็นรถที่กว้างที่สุดในคลาสเดียวกัน โดยเฉพาะห้องสัมภาระท้ายจุได้  293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร



พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์ กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down (เฉพาะด้านผู้ขับขี่ )หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi – Function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด ช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร 25 จุด เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง ที่พักแขนด้านหน้า และเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล ระบบกรองอากาศ PM 2.5


เบนซิน 1.5 ไฮบริด รวม194 แรงม้า

MG3 HYBRID+ ใหม่ มีสมรรถนะและประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารถไฮบริดทั่วไปใน B-Segment     โดยให้กำลังมากที่สุดในคลาสเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์)  สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที และอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา  5 วินาที ผลลัพธ์จากเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ของ เอ็มจี อย่างระบบ HYBRID+ กับ 8 โหมดขับเคลื่อนที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตรและขับสนุกที่สุดในคลาส จากการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DVVT 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ High-performance Permanent Magnet Synchronous Motors กำลังสูงสุด 136 แรงม้าให้ขุมพลังรวมสูงสุดถึง 194 แรงม้า (143 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ ในรูปแบบ Cell-To-Pack ความจุ 1.83 kWh ซึ่งมีความจุมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน


3 โหมดการขับ
MG3 HYBRID+ใหม่มี โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT ระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ
ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System)3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง


จัดเต็มระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัย ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)



 
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)  ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) โดยผสานรวมระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)  ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA (Intelligent Cruise Assist)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition  จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)



ราคาจำหน่าย
ALL NEW MG3 HYBRID+ มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น D และ รุ่น X โดยมีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดง (Scarlet Red) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีเทา (Metal Ash Grey) จับคู่กับเบาะสีดำ ในรุ่น D ทั้งยังมีสีให้เลือกเพิ่มเติม คือ สีฟ้า (ST. Moritz Blue) และ สีเหลือง (Pastel Yellow) จับคู่กับเบาะสีทูโทน ในรุ่น X  ในช่วงแนะนำตัวใหม่ เอ็มจีกำหนด ราคาจำหน่าย 1000 คันแรก เป็นราคาพิเศษคือ รุ่น D  จำหน่าย  559,900 บาท  จากราคาปกติ 579,900  บาท รุ่น X  ราคา 599,900 จากราคาปกติ 619,900 บาท





ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 5% หรือ 27,950 บาท  ผ่อนเริ่มต้น 6,291 บาท คำนวณจากราคาพิเศษเปิดตัวของรุ่นย่อย D ดาวน์ 25% ระยะเวลาผ่อน 84 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.69% เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 2.39% ผ่อนนาน 48 เดือน หรือเลือกรับดอกเบี้ยปกติ ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 5% ฟรี ชุดพรมปูพื้น





 


แชร์บทความนี้


ข่าว/บทความที่เกี่ยวข้อง

จับตาญี่ปุ่นเคลื่อนทัพอีวีด้วยระยะวิ่ง1000 กม.

8 กันยายน 2567

Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé สปอร์ตคูเป้เบนซิน 6 สูบ เปิดราคาประกอบไทย 5,250,000 บาท

7 กันยายน 2567

เกรทวอลล์ ลุยแหลกแต่ วินฟาสต์ไม่ไปต่อ

3 กันยายน 2567

ฟอร์ด เปิดจำหน่ายชุดแต่งพิเศษ ‘แอดเวนเจอร์แพ็ค’

19 สิงหาคม 2567

นิสสันปรับใหญ่ "นาวาร่า" เพิ่มระดับพรีเมี่ยมห้องโดยสาร

16 สิงหาคม 2567

ซีตรอง ถอนตัวจากตลาดออสเตรเลีย หลังทำธุรกิจกว่า100 ปี

16 สิงหาคม 2567

เบื้องหลังฮอนด้าปรับเกมตลาดปิดช่องโหว่กลุ่มลูกค้าอ่อนไหวด้านราคา

5 สิงหาคม 2567

ตลาดรถครึ่งปี67 ร่วง24.2%แนวโน้มครึ่งปีหลังทรุดต่อ

31 กรกฏาคม 2567

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์ของท่านให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้ท่านได้รับการบริการที่ดีที่สุด กรุณากดยอมรับเพื่อยินยอมให้เราใช้คุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว+

ยอมรับ