Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ คือรถยนต์ไฟฟ้า 100% สมรรถนะสูงจากตระกูล AMG รุ่นแรกที่ทำการตลาดในประเทศไทย โดยพัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ซีดานไฟฟ้าอย่าง EQE ซึ่งความพิเศษของรถยนต์คันนี้คือ การใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Ultra-lightweight high-performance battery ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ประเทศเยอรมนี และนำมาพัฒนาร่วมกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าจากรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน FORMULA 1® ของทีม Mercedes-AMG Petronas F1 ส่งผลให้ EQE 53 4MATIC+ มีการตอบสนองการขับขี่และมีพละกำลังที่เป็นไปตามแบบฉบับของรถยนต์ Mercedes-AMG ที่ใช้ในสนามแข่งอย่างแท้จริง
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) ให้กำลังสูงสุด 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบและปรับการส่งกำลังของมอเตอร์ทั้งสองได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนปกติหรือในสนามแข่ง รวมถึงปรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ชุดหลังเพียงอย่างเดียวในขณะที่ผู้ขับขี่ต้องการที่จะขับขี่ในรูปแบบ Drift ในด้านของแหล่งพลังงาน ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) ที่มีความจุ 90.6 kWh ให้แรงดันไฟสูงสุด 328 โวลต์ มีระยะทางขับขี่สูงสุด 526 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) ผ่าน On-board Charger รองรับสูงสุด 22 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 4 ชั่วโมง 45 นาที
มาพร้อมการติดตั้งระบบเบรกแบบสมรรถนะสูงอย่าง AMG high-performance brake system ที่สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำทุกสภาวะการขับขี่ พร้อมจานเบรกที่มีช่องระบายอากาศบริเวณด้านข้างเพื่อลดอุณหภูมิของจานเบรกเมื่อมีการใช้งานในความเร็วสูง และตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดงตามแบบฉบับของ AMG โดยด้านหน้าเป็นคาลิเปอร์แบบ 6-piston และจานเบรกขนาด 415 x 33 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังเป็นแบบ single-piston และจานเบรกขนาด 378 x 22 มิลลิเมตร อีกทั้งยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบตามความเหมาะสม โดยที่มีการส่งกำลังในระดับที่ต่างกัน เริ่มตั้งแต่โหมด Slippery (50% Output) Comfort (80% Output) Sport (90% Output) Sport+ (100% Output) และ RACE START (100% Output) โดยกำลังสูงสุดของรถ (460 kW / 625 hp) จะสามารถใช้ได้ภายใต้โหมดการขับขี่ Sport+ หรือการออกตัวด้วย RACE START เท่านั้น
ในส่วนของดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package เน้นตกแต่งอย่างหรูหราด้วยวัสดุสีดำ High-gloss มาพร้อมกับกระจังหน้าสีดำรูปแบบเฉพาะของ AMG และกันชนแบบสปอร์ต ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT แบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร ด้านบนเป็นหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Panoramic sliding sunroof) ด้านล่างติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว แบบ AMG Y-Spoke wheel ทำงานผสานกับระบบกันสะเทือนและช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่สามารถทำมุมเลี้ยวได้สูงสุดถึง 3.6 องศา สำหรับลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงในการขับขี่
นอกจากนี้ยังมีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์อย่าง AMG SOUND EXPERIENCE ให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าอันทรงพลัง ทั้งใน RACE START และระหว่าง Dynamic Curve Sections โดยการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างลำโพงรูปแบบพิเศษ เครื่องสั่น และเครื่องกำเนิดเสียง ที่จะช่วยให้ถ่ายทอดพลังเสียงออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดและปรับระดับความดังให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ได้ และสามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Balanced, Sport และ Powerful ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG
เมื่อเข้ามายังห้องโดยสารจะพบกับเบาะนั่งแบบ AMG Sport Seats ที่มีลวดลายเฉพาะรุ่น AMG พร้อมพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มหนัง Nappa ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างคล่องแคล่วและสะดวกสบาย หน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ โดยสามารถแสดงผลในโหมด AMG ได้โดยเฉพาะ พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up Display และยังมี AMG Track Pace ให้ผู้ขับขี่สามารถวัดสมรรถนะความเร็วของรถยนต์ พร้อมวิเคราะห์การขับขี่จากการประเมินส่วนบุคคลได้ อีกทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย อาทิ ระบบนำทาง MBUX augmented reality ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC 4 โซน ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบชาร์จไร้สายสำหรับที่นั่งด้านหน้า ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system และเทคโนโลยี Dolby Atmos® ที่พร้อมมอบความบันเทิงสูงสุดตลอดการขับขี่
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยนั้น Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ จัดมาให้อย่างเต็มพิกัด ทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving assistance package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) และระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) ฯลฯ
รุ่น |
เครื่องยนต์ |
แรงม้าสูงสุด |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. |
ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.) |
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ |
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) |
625 |
950 |
3.5 |
220 |
โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเทา (Alpine Grey Solid) และสีแดง (Patagonia Red Metallic)