Honda e:N1 ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์หลักที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแบรนด์แรก ภายใต้มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของฮอนด้า พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ลงตัวกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน
โดยไม่ได้ขายขาด แต่จะเปิดให้เช่าในราคาเดือนละ 29,000 บาทผ่านตัวแทนบริษัทต่าง ๆ
Honda e:N1 พัฒนาภายใต้แนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (Human-centered Development)มาพร้อม แพลตฟอร์ม e:N Architecture F แพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงจากฮอนด้า ที่ได้รับการพัฒนาใหม่
ขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power DriveUnit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่งผลให้สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ระบบกันสะเทือน หน้าแม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง -หลังแบบทอร์ชันบีม ดิสก์เบรก 4 ล้อ
รองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 มาพร้อมไฟสีต่างๆ แสดงสถานะการชาร์จใช้งานได้ง่าย โดยขณะกำลังชาร์จไฟ แถบไฟแนวนอนจะกะพริบเบาๆ จากซ้ายไปขวา เมื่อชาร์จเสร็จ แถบชาร์จจะสว่างอยู่ตลอดเพื่อให้รู้ว่า แบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว นอกจากนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดในการชาร์จ จะมีไฟสีแดงกะพริบ เมื่อชาร์จเสร็จและถอดสายไฟออก รถจะส่งสัญญาณไฟกะพริบเพื่อแสดงสถานะว่าได้ถอดสายชาร์จออกแล้ว
มิติตัวถัง
ความยาว | 4,380 |
---|---|
ความกว้าง | 1,790 |
ความสูง | 1,592 |
ฐานล้อ | 2,607 |
ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า | 1,539 |
ระยะห่างระหว่างล้อคู่หลัง | 1,540 |
ความสูงใต้ท้องรถ | 135 |
น้ำหนักรถ (กิโลกรัม) | 1,662 |
ขนาดล้อ (นิ้ว) | 18 |
ขนาดยาง | 225 / 50 R18 |
การออกแบบภายนอกของ Honda e:N1
- ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ที่พรีเมียม ล้ำสมัย
- โลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ
- โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรู
- แบตเตอรี่ และเส้นสาย LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบแนวนอนยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย
- ช่องชาร์จแบตเตอรี่ด้านหน้าพร้อมไฟแสดงสถานการณ์การชาร์จ ทำให้รู้สถานะการชาร์จได้ง่ายและรวดเร็ว
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
- ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
- ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke แบบเต็มความยาวที่เชื่อมต่อกับไฟท้ายทั้งสองข้าง
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
- สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
- เสาอากาศครีบฉลาม
- ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
- ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว
การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารผ่อนคลายจากการจัดวางแสงที่นุ่มนวล ผสมผสานกับการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างสะดวกสบาย
- ไฟสร้างบรรยากาศภายในสีฟ้า (Blue Ambient Light)
- แท่น Wireless Charger
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา
- ระบบ Air Diffusion System มอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร
- แผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น PM 2.5
- พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง
- ระบบสตาร์ทรถยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Climate Pre-conditioning)
- ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์สปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยขอบสีขาวและด้ายสีฟ้า
- ปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระและการบุนุ่มเพื่อรองรับส่วนที่สัมผัสบ่อย
- เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ คือ Utility Mode และ Long Mode
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้วแบบ Advanced Touch
- รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto
- โซนบนเป็นโซน 'Connect' ที่รวม ระบบการนำทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องมองหลัง
- โซนกลางเป็นโซน 'Driver Assist' หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่จะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสาร พร้อมด้วยเมนูการแสดงการทำงานของระบบ EV
- โซนล่างจะเป็นโซนควบคุมระบบปรับอากาศ ที่แสดงข้อมูลการปรับอากาศภายในห้องโดยสาร
- ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (USB-A 1 ช่อง ในช่องหน้า และ
USB-C ในช่องหน้า 1 ช่อง และช่องหลัง 2 ช่อง) - พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ซัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย
Drive Mode โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ
- โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) ที่ช่วยปรับการทำงานของมอเตอร์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น
- โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยมอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลังให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหมาะสมและมอบความสะดวกสบายในห้องโดยสาร
- โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) พร้อมปรับการทำงานของมอเตอร์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดพลังงานมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่
เทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ระดับพรีเมียมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่และทำให้การขับขี่ราบรื่นในทุกเส้นทาง
- ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อม ระบบ Auto Brake Hold
- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดซัน (Hill Start Assist - HSA)
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน
- (Honda SENSING) ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System withLane Departure Warning: RDM with LDW)ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
- ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียงเพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้าพร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information - BSI)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM)
- เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (หน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด)
- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) สามารถล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อเดินออกห่างจากตัวรถในระยะ 1.5 เมตรขึ้นไป
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
- ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (AHA)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
- ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง(Side Curtain Airbags)
- ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)บนพื้นถนนที่ลื่น
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA)
- เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)
- ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (TPMS)
- ชุดซ่อมยางชั่วคราว (TPRK)
เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสาร Honda CONNECT 9 ฟังก์ชัน
- My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้นโดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
- Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือนหรือรายปี และบันทึกการเดินทางที่สามารถเลือกทริปโปรดและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์เดิม) เป็นต้น
- WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง *ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
- Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
- Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทรถยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับรถยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
- Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
- Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
- Charging Status สามารถติดตามสถานะ หรือปรับตั้งค่าการชาร์จแบตเตอรี่ของ Honda e:N1 ได้ โดยสามารถปรับตั้งค่าให้เข้ากับสภาพการชาร์จต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จที่ 'บ้าน' หรือการชาร์จไฟเมื่อตนเอง 'ไม่อยู่' ใกล้รถ โดยมี 3 ระดับให้เลือก ตั้งแต่ 'LOW' ซึ่งจำกัดกำลังไฟฟ้าไว้ที่ 6 แอมป์ ไปจนถึง 'HIGH' ที่รองรับกระแสไฟสูงสุดจากเครื่องชาร์จได้เท่ากับกำลังสูงสุดที่แบตเตอรี่จะรับได้
รุ่นและสี
Honda e:N1 มีให้เลือก 1 รุ่นย่อย และสีภายนอกเพียงสีเดียวได้แก่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก)