ในตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ (MPV)โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ปรับปรุงรถเอกนประสงค์ขนาดใหญ่ รุ่น มาเจสตี้ ( Majesty)ปี 2567 โดยเผยแพร่รายละเอียดและราคาเมื่อต้นเดือน พ.ค.2567ที่ผ่านมา
Toyota Majesty รู้จักกันดีในฐานะรถยนต์ 11 ที่นั่งเกรดพรีเมี่ยมที่โตโยต้าพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานแบบครอบครัวหรือนักธุรกิจที่ใช้รถขนาดใหญ่หลายที่นั่ง ในเจนเนอเรชั่นใหม่เมื่อ 5ปีที่แล้วนั้น โตโยต้าได้ออกรุ่นใหม่แบบ ออลนิว ภายใต้คอนเซ็ป “Live Beyond the Class”(ใช้ชีวิตเหนือระดับ) ในยุคของ มิจิโนบุ ซึงาตะ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ (TMT)และมี ทาคุโอะ อิชิกาวะ เป็นหัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น(TMC) ส่วนการตลาดดูแลโดย วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่(ปัจจุบันย้ายไปนั่งรองประธาน GWM ดูและตลาดอาเซียน) การแถลงข่าวเปิดตัวMajestyมีขึ้นในวันที่ 16 สิงหาคม 2562 ณศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา
การเปิดตัวครั้งนั้น มีการออกแบบโครงรถและ ตำแหน่งเครื่องยนต์ใหม่เป็นแบบ Semi-bonnet คือ ตำแหน่งการตั้งของเครื่องยนต์ เยื้องไปด้านหน้าของเส้นศูนย์กลางเพลาหน้ารถ แตกต่างจากตัวเก่าเครื่องยนต์จะวางบนตำแหน่งเพลาหน้าพอดี ลักษณะการออกแบบ Semi-bonnet ทำให้รถไม่ต้องเสียพื้นที่ใช้งาน และทำให้ได้พื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่ภายใต้ฝากระโปรงที่เป็นอุโมงค์วางเครื่องมากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุง เสาเอของรถจะยาวขึ้น การออกแบบแผงควบคุมก็ทำได้ง่ายขึ้นลักษณะภายนอกทำให้ตัวรถมีความรู้สึกปราดเปรียว พรีเมียม และทันสมัย
สำหรับระดับการเปลี่ยนแปลง ในปี2567นี้ เป็นเพียงไมเนอร์เชนจ์ ไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหลักของรถไม่ว่าจะเป็น แชสซีส์ เครื่องยนต์ระบบเบาะโดยสาร แต่ไมเนอร์เชนจ์ปรับเปลี่ยนแค่ออฟชั่นพื้นฐาน และปรับมาตรฐานไอเสียของเครื่องยนต์ให้เข้ากับเงื่อนไขที่บังคับโดยภาครัฐ แต่กลับมีผลต่อราคาที่เพิ่มขึ้น
Toyota Majesty MY24 มีการอัพไลน์อัพใหม่ จาก 3 เกรดเหลือเพียง 2 เกรดในเชิงการตลาด Toyota Majesty เป็นรถที่ขายน้อยมาก คือ ปี 2566 ขายได้มากสุดใน ม.ค .2566 จำนวน 13 คัน เดือนก.พ.2566 จำนวน 16 คัน ที่เหลือทั้งปีขายได้ไม่ถึง 10 คันต่อเดือน ซึ่งเราไม่มั่นใจว่าเกิดจากเหตุผลใด แต่ภาพภายนอกนั้นนั้นผู้ซื้อเข้าใจว่า "รถขาดตลาด" ส่วนยอดขายในไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.67) ปี 2567 โตโยต้าส่งมอบรถ Majestyไปแค่ 16 คันเท่านั้นเอง
ปรับใหม่เพิ่มขนาดเล็กน้อย
โตโยต้า Majesty MY24 นำเสนอภายใต้แนวคิด “THE ELEGANCE OF ALL EPISODES” หรือ "ความหรูหราในทุกบริบทของชีวิต"โตโยต้ายังคงยึดแนวทางของรถในด้านความหรูหราเป็นหลัก ดีไซด์ภายนอก รุ่นปรับปรุงใหม่ปี2567 จากการสำรวจของเรา พบว่าภายนอกรถแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญเลยมีเพียงมิติเท่านั้นที่ปรับไปตามแพ็คเก็จจิ่งใหม่
ปรับมิติภายนอก
จากข้อมูลของโตโยต้า เราพบว่ามิติภายนอกของรถมีการปรับปรุงเล็กน้อยโดยไม่มีนัยยะสำคัญต่อสมรรถนะรถคือ ความยาวของตัวรถเพิ่มขึ้น 35 มม.ความกว้างวัดจากภายนอกเพิ่มขึ้น 20 มม. ส่วนความสูงเท่าเดิม และระยะห่างระหว่าง กึ่งกลางล้อหน้า-ล้อหลัง เท่าเดิม คือ 3210 มม เท่ากับ ไฮเอช รถตู้ที่เป็นพื้นฐานใช้พัฒนา Majesty
ตารางเปรียบเทียบมิติภายนอก TOYOTA Majesty
การตกแต่ง ตกแต่งภายนอก กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์หรูหรา ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกภายใน ระบบประตูบานสไลด์อัตโนมัติ 2 ด้าน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ รถออกแบบที่นั่งแบบหรูหรา แบบนั่งสองแถวแยกอิสระ( Captain Seat)พร้อมระบบบริหารหลังปรับไฟฟ้าในเกรดบน( Grande) และเบาะโดยสารพร้อมพนักพิงศีรษะแบบ Butterfly Headrest (มีส่วนโค้งกระชับศรีษะ) ผังที่นั่งเป็นแบบ 2-3-2-4 คือ สองที่นั่งตอนหน้า 3 ที่นั่งตรงผู้โดยสารแถวแรก และ 2 ที่นั่งผู้โดยสารตอนกลางก่อนจะ ตบท้ายด้วย 4ที่นั่ง เรียงแถวแบบชิดกัน แบบ Bench Seat(เบาะนั่งเรียงแบบรถ2แถว) 4 ที่นั่ง มีหัวหมอนให้ทุกที่นั่ง(ไม่เปลี่ยนแปลง)
กัปตัน ซีททุกเกรด
-สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้ามีการปรับเก้าอี้เป็นแบบ 1 ที่นั่งเพิ่มฟังก์ชั่นการปรับเบาะเป็น 4 ทิศทาง โดยในรุ่น Grande เป็นการปรับแบบไฟฟ้าและปรับระดับเก้าอี้ด้านข้างเบาะ
-ส่วนเบาะผู้โดยสารด้านหลังในแถวที่ 1 –2 จะเป็นที่นั่งแบบ Captain Seats 4 ที่นั่งเต็ม และสามารถปรับได้ 4 ทิศทางพร้อมหัวหมอนแบบ Butterfly ที่รองน่อง และระบบนวดหลังแบบไฟฟ้า (ในรุ่น Grande)ทั้งนี้ในแถวที่ 1 มาพร้อมกับเบาะผู้โดยสารตำแหน่งกลางและหัวหมอน สามารถพับเป็นที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำได้ มีข้อน่าสังเกตว่า เบาะนั่งของ มาเจสตี้ ปี2567 นั้นยกระดับเป็น Captain Seats จากเดิมมีเพียงแถวที่ 1 เท่านั้นที่เป็นCaptain Seats ซึ่งรถใหม่ที่นั่งด้านหลังแถวที่ 2 ก็เป็นแบบCaptain Seatsด้วย
เครื่องยนต์ ปรับมาตรฐานไอเสีย
เครื่องยนต์ 1GD-FTV นี้ถูกใช้ในโตโยต้าหลายรุ่น ทั้งกระบะและรถตู้ไฮเอชรวมถึงรถMPV หรูหรา อย่างโตโยต้า Majesty ซึ่งเอ็มพีวีของโตโยต้านั้นมีเพียงเครื่องดีเซล ให้เลือกไม่มีเครื่องยนต์เบนซินหรือไฮบริดใดๆ
เครื่องยนต์ดีเซลระหัส GD 2.8 ลิตร กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ (163 แรงม้า) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-2,200 รอบ/นาทีแรงม้าเท่าเดิม แรงบิดเท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง เครื่องยนต์ในMY2024 นี้ได้รับการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งถูกปรับปรุงตามข้อบังคับของภาครัฐตามช่วงเวลาที่กำหนดแน่นอนว่า ส่วนนี้ทำให้ต้นทุนของการผลิตเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อราคาของโตโยต้า Majesty ที่ต้องขยับขึ้นระหว่าง4-6% โดยที่แทบจะไม่ได้ใส่ของใหม่อะไรมาเป็นชิ้นเป็นอันให้ลูกค้าเลย
ตัวเลือกในตลาดน้อยลง
สำหรับรถตัวใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไลน์อัพของรถ โดยการนำเสนอเพียง 2เกรด จาก3เกรดจากการที่โตโยต้า Majesty 2024 ถูกตัดรุ่นล่างออก ผลคือราคาเริ่มต้นของรถ ขยับเป็น 1.989 ล้านบาท จากเดิมที่เริ่มต้น 1.709 ล้านบาทสำหรับราคาของ Majesty 2024 มีดังนี้ รุ่นทอปไลน์ Grand ราคา 2,329,000 บาท รุ่น Premium ราคา 1,989,000 บาททั้งนี้ระดับราคา 2 เกรดนี้ ห่างกัน 340,000 บาท คือคิดเป็นเปอร์เซ็นต่างกัน 17.09% ย้อนกลับไปดูราคาเก่าเมื่อเริ่มต้นเปิดตัวใหม่ เมื่อ5ปีก่อนหน้า มีโปรดักซ์ไลน์อัพและราคา ดังนี้
-Toyota Majesty รุ่น STANDARD ราคา 1,709,000 บาท
Toyota Majesty รุ่น PREMIUM ราคา 1,899,000 บาท
Toyota Majesty รุ่น GRANDE ราคา 2,199,000 บาท
ตัวเลือกสี2คงที่
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของสีให้เลือก ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือตัวใดๆ ตัวเลือกของสี รถใหม่มีให้เลือกแค่ 2 สีเท่ากับรุ่นก่อนหน้าได้แก่
-สีขาวมุก – White Pearl (ภายในสีดำ Black)-สีดำ – Black Mica (ภายในสีดำ Black และ สีเบจ (เหลืองนวล Beige)
ตารางราคาเปรียบเทียบ Toyota Majesty MY24 VS MY22
ข้อแตกต่างระหว่างเกรด
GrandและPremium นั้นมีน้อยมากจะแตกต่าง 4 จุดใหญ่คือ รุ่น Grande จะได้TOYOTA SAFETY SENSE ที่มีออฟชั่น ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert) ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ เรื่องความสะดวกสบายด้วย ไฟส่องสว่าง Illumination ภายในห้องโดยสาร และระบบ T-CONNECT
ส่วนอื่นๆ เป็นความปลอดภัยมีเหมือนกัน อาทิ ถุงลมเสริมความปลอดภัย 9 ตำแหน่ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System)ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน(Lane Departure Alert) จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Autoประตูสไลต์ เปิด-ปิด อัตโนมัติ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ช่องต่อ USB 7 ตำแหน่ง ม่านบังแดด และไฟอ่านหนังสือ พวงมาลัยตกแต่งด้วยลายไม้พร้อมปรับระดับ 4 ทิศทาง มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 4 ตำแหน่ง ระบบบควบคุมอุณหภูมิให้ความเย็นสบายในการเดินทางที่มาพร้อมกับระบบกรองอากาศ nanoe ที่วางแก้วน้ำและช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 โวลต์ พร้อมช่องต่ออุปกรณ์เสริมUSB-C 6 ตำแหน่งและ USB-A 1 ตำแหน่ง ม่านบังแดดและไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนระบบนำทาง Navigator ระบบบริหารหลังไฟฟ้าผู้โดยสารแถวที่ 1
ถุงลมเสริมความปลอดภัย (SRS Airbags)
ระบบเบรก ABS และ EBD ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) ระบบเสริมแรงเบรก (BA)ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSM) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (RCTA) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)กล้องมองหลัง (Back Camera)กล้องมองรอบคัน (PVM) กล้องวีดิโอบันทึกภาพติดรถยนต์ (DVR) ระบบแจ้งเตือนลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISO-FIX & Top Tether)
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights)ไฟตัดหมอกหน้า ไฟเบรกดวงที่สาม ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกระทันหัน (ESS)