CHERY เตรียมเปิดแบรนด์และรุกตลาดประเทศไทยเต็มตัวในปีนี้ พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ จ.ระยอง เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ CHERY Tiggo 8, CHERY V23 (iCAR V23), CHERY Tiggo Cross และ CHERY Tiggo 7 และขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศไทย 30 แห่งภายในปีนี้
ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ CHERY Tiggo 8 และ Tiggo 7 จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน CHERY Super Hybrid (CSH) ซึ่งเป็นระบบ Plug-in Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร สามารถเลือกโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน ซึ่งให้ระยะทาง 90 กิโลเมตร มาตรฐาน WLTC
CHERY Tiggo Cross มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid ทำงานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ให้กำลังสุงสุด 96 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร
สำหรับ CHERY V23 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนให้กำลังสุงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร
CHERY ยังชูจุดเด่นแพลตฟอร์ม Chery Super Hybrid ด้วยจุดขาย 3 จุด
- ขับได้ไกลเกินกว่า 1,400 กม. ต่อน้ำมัน 1 ถัง
- แบตเตอรี่ที่ให้ความปลอดภัยแม้ถูกชน
- รถที่ใช้ได้ทั้งเพื่อการเดินทางและการใช้ชีวิต
และเร็วๆ นี้ CHERY Automobile ยังจับมือบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ภายใต้นโยบายการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนโยบายการสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจากกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นพัฒนาแบรนด์ EV แห่งชาติของไทย ส่งเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี EV ภายในประเทศ และสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศให้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยมุ่งเน้นการจำหน่ายในประเทศไทย โดยชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี EV และราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคไทย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ โครงการยังใช้ข้อได้เปรียบด้านภาษีในฐานะ “รถยนต์สัญชาติไทย” เพื่อสร้างระบบราคาที่เหมาะสม พร้อมกระตุ้นห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ ตั้งแต่การจัดหาชิ้นส่วน การจ้างงาน ไปจนถึงการพัฒนาเครือข่ายบริการหลังการขายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในทุกภูมิภาค




