18มิถุนายน 2567:-มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยยืนยันแผนส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง “ไม่มีแผนหยุดผลิตมิตซูบิชิมิราจ และแอททราจ”
หลังจากที่มีรายงานข่าวใน เว็บไซต์ของ นสพ.ประชาชาติธุรกิจ หัวข้อข่าว "มิตซูบิชิ เล็งยุติไลน์ผลิตอีโคคาร์ มิราจ-แอททราจ"ลงวันที่ 16 มิ.ย.67 ทำให้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัดผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รถยนต์มิตซูบิชิจากญี่ปุ่น ได้ส่งเอกสารเผยแพร่แก่สื่อมวลชน โดยระบุว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยและถือเป็นศูนย์กลางด้านยุทธศาสตร์การเติบโตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ด้วยกำลังการผลิตรถยนต์มากกว่า 400,000 คันต่อปี ทำให้โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีการส่งออกรถยนต์มากกว่าร้อยละ 80 ของปริมาณการผลิตไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก โดยล่าสุด แผนการผลิตรถมิตซูบิชิ มิราจ และ มิตซูบิชิ แอททราจของบริษัทฯ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการส่งออกมากกว่าร้อยละ 90ของปริมาณการผลิตพร้อมตอบสนองความต้องการรถอีโคคาร์ หรือ รถยนต์ประหยัดพลังงานในตลาดประเทศไทยที่ยังคงได้รับความนิยมเพราะฉะนั้นมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงยังมิได้มีแผนที่จะหยุดการผลิตมิตซูบิชิ มิราจ และมิตซูบิชิ แอททราจอย่างแน่นอน
มิตซูบิชิมอเตอร์สประเทศไทย ยังคงเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนสำคัญๆอาทิการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิวมิตซูบิชิไทรทันที่ประกอบด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัวและการผลิตเครื่องยนต์ใหม่ “ไฮเปอร์พาวเวอร์”ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อรถออล-นิวมิตซูบิชิไทรทันในปี 2566 และการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทเพื่อเปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ที่แหลมฉบังด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในปี 2565 นอกจากนี้บริษัทฯยังวางแผนการลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาทเพื่อพัฒนาสายการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังจังหวัดชลบุรีเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าxEVโดยเริ่มจากเอ็กซ์แพนเดอร์เอชอีวีและเอ็กซ์แพนเดอร์ครอสเอชอีวีไปพร้อมกับรถยนต์อีโคคาร์ที่ผลิตอยู่เดิม
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเติมเต็มความสนุกเร้าใจในการการขับขี่ เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ภายใต้ดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) ด้วยปณิธานที่จะสร้างความเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับสังคมไทยและลูกค้าคนพิเศษโดยตลอดระยะเวลากว่า 63 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยผ่าน 7 แกนหลักได้แก่ การลงทุน การส่งออก สิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การช่วยเหลือสังคม การจ้างงาน และการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การเผยแพร่ข่าวของ ประชาชาติธุรกิจ ก่อให้เกิดความตะหนกในวงการเพราะ หวั่นเกรงว่า จะเป็นการถอนตัวหรือย้ายฐานการผลิตออกจากไทยเหมือนรถอีก 2 ค่ายที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งซูบารุและซูซูกิ นั้นมีนโยบายปิดโรงงานและย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย
สำหรับมิตซูบิชิ ในตลาดรถยนต์นั่งนั้น สามารถทำยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กหรือรถในโครงการอีโคคาร์ ในตลาดไทยได้อย่างเหนือความคาดหมาย โดยสามารถครองส่วนแบ่ง เป็นอันดับ 3 ของตลาดรองจากโตโยต้า ฮอนด้า จากสินค้าหลักเพียง 2 รุ่นคือ มิราจ และมิตซูบิชิ แอททราจ ซึ่งล้วนแล้วเป็นโมเดลที่ออกสู่ตลาดมาเกือบ 12 ปี