กรุงเทพฯ.24 ต.ค.67 - นายชิวาภาดา เรย์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่าเพื่อ ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดและการขับขี่ผจญภัยระยะไกลให้ครบครันยิ่งขึ้นบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ได้เปิดตัวจักรยานยนต์รุ่นใหม่ในตระกูล GS สองรุ่นล่าสุด คือ บีเอ็มดับเบิลยูF 900 GS และ F 900 GS Adventure มอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง เอนดูโร เสริมตระกูล GS ในกลุ่มแอดเวนเจอร์ขนาดกลาง ซึ่งทั้งสองรุ่นได้รับการพัฒนาในด้านสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรด ทัวริ่ง และศักยภาพในการผจญสภาวะการขับขี่ที่ท้าทายต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญ ทั้งสองรุ่นใหม่ยังประกอบขึ้นที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง เพื่อส่งออกไปยังภูมิภาค
โดยในรุ่น F 900 GSโดดเด่นด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่าพร้อมความคล่องตัวและทรงพลัง ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูF 900 GS Adventureถูกผสมผสานทั้งเทคโนโลยี เครื่องยนต์ เพื่อตอบโจทย์ผู้รักการเดินทางไกลทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมขุมพลังที่เหมาะกับเส้นทางออฟโรดด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบแถวเรียง และโหมดการขับขี่ ที่หลากหลาย โดย F 900 GS Style Passion ราคาจำหน่าย: 649,000บาท ส่วน F 900 GS Style GS Trophy ราคาจำหน่าย: 665,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
หัวใจสำคัญของ F 900 GS คือเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดเป็น2 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 895 ซีซี ให้กำลังสูงสุด77 กิโลวัตต์ /105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้ส่งมอบอัตราเร่งที่รวดเร็วและการส่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกสภาพพื้นผิว และด้วยน้ำหนักที่ลดลงไปถึง 14 กิโลกรัมหากเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้F 900 GS เป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ GS สปอร์ตที่คล่องตัวที่สุด
F 900 GS มาพร้อมกับโหมดการขับขี่มาตรฐานสองแบบ ได้แก่ 'Rain' และ 'Road' เพื่อการควบคุมที่เหมาะสมที่สุดในสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ ABS Pro ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการเข้าโค้งและการเบรก โหมด 'Riding Modes Pro' ที่เป็นอุปกรณ์เสริมจะเพิ่มโหมด 'Dynamic', 'Enduro' และ 'Enduro Pro' ซึ่งจะปรับการตอบสนองของคันเร่งและการเบรกให้รับกับทุกสภาพพื้นผิว นอกจากนี้ Riding Modes Pro ยังช่วยให้คนขับขี่สามารถเลือกตั้งค่าปุ่มต่างๆ ที่แฮนด์ด้านขวา และการควบคุมแรงบิดลากของเครื่องยนต์เป็นอีกองค์ประกอบใหม่ของ Riding Modes Pro ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบโครงรถใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่แบบทัวริ่งและออฟโรด ถังน้ำมันขนาด 14.5 ลิตรออกแบบใหม่ ผนวกกับการปรับส่วนท้ายรถและท่อไอเสียแบบAkrapovič ช่วยลดน้ำหนักลง เพิ่มความคล่องตัวได้มากยิ่งขึ้น การปรับแต่งที่พักเท้าที่ต่ำลงและแฮนด์บาร์ที่สูงขึ้น ช่วยควบคุมระหว่างการขับขี่แบบออฟโรด และยังมีสวิงอาร์มที่น้ำหนักเบาขึ้น ตัวลดเสียงท่อไอเสียด้านหลังแบบสปอร์ตโดย Akrapovič ที่พักเท้าแบบเอนดูโร แฮนด์จับแบบอุ่น(heated grips) ขาตั้งข้างอะลูมิเนียม และไฟหน้า LED แบบใหม่ที่ให้แสงสว่างในมุมที่กว้างขึ้นเมื่อเปิดโหมดไฟต่ำอีกด้วย
F 900 GS ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ตั้งแต่จอแสดงผลแบบTFT ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ที่ให้การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง ควบคุมเพลง หรือรับสาย ผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่นผ่านแอปพลิเคชัน BMW Motorrad Connected และยังมีพอร์ตชาร์จ USB สองพอร์ตช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ มีพลังงานเพียงพอใช้งานระหว่างการขับขี่ทางไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS ยังมาพร้อมกับแท่นยึดอุปกรณ์อเนกประสงค์ ช่วยให้นักขับขี่สามารถติดตั้งอุปกรณ์นำทาง กล้อง และอุปกรณ์อื่นๆ และยังมีฟีเจอร์ด้านความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นให้ผู้ขับขี่เลือกใช้งาน เช่น Keyless Ride ช่วยให้สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์และปลดล็อคฟังก์ชันต่างๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกจากกระเป๋า
ด้านคุณสมบัติด้านความปลอดภัย ให้มาเต็มระบบ เช่น ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ป้องกันการเร่งเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจในสถานการณ์เบรกฉุกเฉิน ระบบ Dynamic Traction Control (DTC) และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ABS Pro มอบความปลอดภัยยิ่งขึ้นในระหว่างการเข้าโค้งและการเบรกกะทันหัน เพื่อให้มั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยสูงสุดสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร F 900 GS มีให้เลือก2สีที่ต่างเน้นย้ำถึงความสปอร์ตและการขับขี่แบบออฟโรดได้แก่ สีเหลือง São Paulo สำหรับรุ่น Passion และสีขาวตัดฟ้าLightwhite/Racing Blue Metallic สำหรับรุ่น GS Trophy
ด้านบีเอ็มดับเบิลยู F 900 GS Adventure ก้าวข้ามขีดจำกัดของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง เอนดูโร มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 895 ซีซี ที่ทรงพลังและอเนกประสงค์ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ / 105 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที มอบอัตราเร่งที่ราบรื่นและทรงพลังในทุกสภาพพื้นผิว และเสียงของท่อไอเสียที่ทุ้มลึกและดุดันอันเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มอารมณ์ให้กับประสบการณ์การขับขี่แบบผจญภัย
F 900 GS Adventure ได้รับการออกแบบที่เน้นความทนทาน อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและคุณสมบัติต่างๆ เพิ่มทั้งความสะดวกสบายและสมรรถภาพ มีโหมดการขับขี่มาตรฐานสองแบบ ได้แก่ 'Rain' และ 'Road' เพื่อให้มั่นใจถึงการควบคุมรถสูงสุดในสภาพอากาศและสภาพพื้นผิวที่หลากหลาย สำหรับนักขับขี่ที่ต้องการความสามารถในการปรับตัวมากขึ้น ส่วนโหมด 'Riding Modes Pro' ซึ่งเป็นแพ็คเกจเสริมมาพร้อมโหมดเพิ่มเติม เช่น 'Dynamic', 'Enduro' และ 'Enduro Pro' ช่วยให้สามารถปรับแต่งการตอบสนองของคันเร่ง การเบรก และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนให้เหมาะกับการผจญภัยทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ ระบบ Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) จะปรับช่วงล่างโดยอัตโนมัติตามสภาพพื้นผิวและน้ำหนักบรรทุก ให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการควบคุมที่แม่นยำ ซึ่งจำเป็นสำหรับการขับขี่แบบทัวริ่งในระยะไกล นับเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอย่างแท้จริง F 900 GS Adventure สร้างขึ้นเพื่อการเดินทางระยะไกล ด้วยถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น เป็น23 ลิตร ตอบสนองผู้ที่ต้องการเดินทางโดยไม่ต้องหยุดเติมน้ำมันบ่อยๆ และมาพร้อมกับการ์ดเครื่องยนต์แบบอะลูมิเนียมเพิ่มการปกป้องขึ้นไปอีกในสภาพถนนที่ขรุขระ กระจกบังลมปรับได้มอบความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง การป้องกันลมและสภาพอากาศตามสภาพการขับขี่ ไฟหน้า LED มาตรฐานของรุ่นนี้ยังช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนไม่ว่าในเวลาใดหรือสภาพพื้นผิวแบบใด
นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นแข็งแกร่งแต่ประณีต F 900 GS Adventure ยังมาพร้อมตัวเลือกของสีสัน ได้แก่ สี Blackstorm Metallic สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสี White Aluminium Matt สำหรับรุ่น Ride Pro เฉดสีเหล่านี้ช่วยเสริมลุคที่สอดคล้องกับโครงสร้างที่แข็งแกร่งของมอเตอร์ไซค์สื่อถึงงานฝีมือระดับพรีเมียม ทำให้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่แพ้ศักยภาพของรถด้วยเช่นกัน