FinDreams บริษัทในเครือด้านแบตเตอรี่ของ BYD เตรียมเปิดตัวแบตเตอรี่เบลดรุ่นที่สองในปลายปีนี้ ประมาณเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยแบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้จะได้รับการปรับปรุงความหนาแน่นของพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 190 Wh/kg

Wang Chuanfu ประธาน BYD ได้ออกมาเปิดเผยโปรเจคพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ในระหว่างการประชุมรายงานทางการเงินครั้งล่าสุด โดยนาย Chuanfu กล่าวว่าแบตเตอรี่เบลดรุ่นที่สองจะมีขนาดที่เล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่ารุ่นแรก โดยที่ยังคงประจุความหนาแน่นของพลังงานให้เท่าเดิม ซึ่งจะสามารถลดการใช้พลังงานต่อ 100 กิโลเมตรได้ (แหล่งข่าวยังไม่ได้บอกตัวเลขรายละเอียดที่แน่ชัดว่าลดได้มากขนาดไหน)

โดยแบตเตอรี่เบลดรุ่นแรกของ BYD เปิดตัวเมื่อปี 2020 และได้พลิกโฉมวงการรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งก็คือแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟต (LFP) ราคาประหยัดที่สามารถแข่งขันกับแบตเตอรี่ NCM (นิกเกิลโคบอลต์แมงกานีส) ในแง่ของความหนาแน่นของพลังงาน  โดยการลดการใช้พื้นที่ลง 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ LFP ที่มีอยู่ในขณะนั้น

**ที่มาของชื่อ "แบตเตอรี่เบลด" มาจากการจัดเรียงแบตเตอรี่ในแต่ละเซลล์ในลักษณะคล้ายใบมีดภายในชุดแบตเตอรี่ เพื่อลดการใช้พื้นที่ลง ทำให้สามารถอัดประจุพลังงานเข้าไปได้มากขึ้น

**แบตเตอรี่เบลดรุ่นแรกมีความหนาแน่นของประจุพลังงานที่ 140 Wh/kg ในตอนแรก ซึ่งในปัจจุบันได้อัพเพิ่มเป็น 150 Wh/kg

ผู้เชี่ยวชาญจาก Fast Technology คาดการณ์ว่าแบตเตอรี่เบลดรุ่นใหม่นี้อาจทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้เกิน 1,000 กิโลเมตร (ภายใต้เงื่อนไขการทดสอบของ CLTC) ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะทำให้ยานพาหนะที่ติดตั้งแบตเตอรี่เหล่านี้สามารถแข่งขันกับแบตเตอรี่ solid state ที่พัฒนาโดย IM Motors และแบตเตอรี่ semi-solid state ที่ผลิตสำหรับ Nio ในปัจจุบัน

หากแบตเตอรี่เบลดรุ่นที่สองมีความหนาแน่นพลังงานมากกว่า 190 Wh/kg จริง ๆ ก็อาจถือเป็นประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแบตเตอรี่ LFP แล้ว และข้อดีอีกประการหนึ่งของแบตเตอรี่ใบมีดคือคุณสมบัติด้านความปลอดภัย ซึ่งแสดงให้เห็นผ่านการทดสอบต่าง ๆ เช่น การทดสอบการเจาะตะปู โดยที่แบตเตอรี่ NCM ติดไฟทันทีเมื่อถูกเจาะด้วยตะปู ในขณะที่แบตเตอรี่ใบมีดของ BYD ยังคงปลอดภัยอยู่

ความก้าวหน้านี้จะนำไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาไม่แพง เพื่อให้คนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายของ BYD ในการขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในราคาที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม และทำให้ BYD มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ชุดแบตเตอรี่ที่เล็กและเบากว่าจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับการพัฒนารถให้กว้างขึ้นได้

Credit: carnewschina & mydrivers