
นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับก้าวแรกของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) สำหรับตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แผนกลยุทธ์ Kia Plan S ที่เราใช้ดำเนินงานทั่วโลก มีรากฐานอยู่บนเสาหลัก 3 ประการ คือ โลก (Planet) ผู้คน (People) และผลกำไร (Profit) เพื่อหล่อเลี้ยงความไว้วางใจ และการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานของเรากับชุมชน เราจึงวางตำแหน่งของตนเองในฐานะ ‘Sustainable Mobility Solutions Provider’ หรือ ‘แบรนด์ที่มุ่งตอบโจทย์การเดินทางอย่างยั่งยืน’ ซึ่งถือเป็นปรัชญาประจำองค์กรของเราเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต และเราได้วางแผนการดำเนินงานขององค์กรไว้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเป้าหมายทางธุรกิจสำหรับปี 2567-2571 โดยใช้กลยุทธ์
‘Plan S-5’ ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่
- 1) ครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล,
- 2) เพิ่มการทำตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวให้มีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด
- 3) ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบแบรนด์ที่มีการรับรู้สูงที่สุด 5 อันดับแรก และ
- 4) ขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศให้เติบโตขึ้น 5 เท่าตัว
นายณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย เผยว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและขาลงสลับสับเปลี่ยนกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 800,000 คัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในปี 2567 นี้ โดยคาดว่ายอดจำหน่ายจะขยับตัวขึ้นจากอานิสงส์ของรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ในปี 2566 เรามีผู้จำหน่าย และศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ 19 แห่ง เราจะเร่งสร้างการเติบโตของยอดขายด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ประเดิมด้วยผู้จำหน่ายใหม่ 10 รายที่จะเข้ามาร่วมงานกับเราในปี 2567 นี้ นอกจากนี้เรายังยกระดับ กลยุทธ์ด้านบริการของเราอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทย โดยนโยบายใหม่ของเราจะมอบการรับประกันคุณภาพรถเป็นระยะเวลา 7 ปีให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป การรับประกันตามมาตรฐานใหม่ของเราจะมาควบคู่กับการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 7 ปี
นายฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด ระบุว่า “รถยนต์รุ่น Carnival ของเราที่ใช้งานอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 10,000 คัน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความไว้วางใจในตัวรถยนต์ Carnival และผู้จำหน่ายของเราอย่างมาก ฐานลูกค้าในปัจจุบันของเราจะเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ของเราได้เป็นอย่างดี เราจะขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่ โดยมีการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เราวางตำแหน่งแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ของรถยนต์ ‘Premium Smart’ ที่สื่อถึงการมุ่งส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่ทัชพอยท์แรกทางอินเทอร์เน็ตไปจนถึงทุกๆ ช่องทางที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแบรนด์ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวมถึงศูนย์บริการและผู้จำหน่ายของเราด้วย เราจะมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินงาน (Digital Transformation) และใช้ข้อมูลเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้างปฏิสัมพันธ์แบบเฉพาะบุคคลกับลูกค้า ส่วนคำว่า ‘Smart’ สื่อถึงการที่เรามุ่งหวังให้ลูกค้าชาวไทยได้รับประสบการณ์ใหม่ล่าสุดในการขับขี่ โดยการนำเสนอรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ประสบความสำเร็จรุ่นใหม่ล่าสุดของเรา พร้อมกับเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวี และเอ็มพีวี และนำเอาโซลูชันด้านการเชื่อมต่อรูปแบบต่างๆ มาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้”
“กลยุทธ์ ‘Plan S-5’ ของเราได้วางเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนที่จะขึ้นแท่นเป็นแบรนด์รถยนต์ 1 ใน 5 อันดับแรกในแง่ของการรับรู้แบรนด์ และเพิ่มสัดส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบให้เป็น 50% เส้นทางของเราในการทำตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พร้อมเริ่มต้นขึ้นแล้วในวันนี้ด้วยการประกาศทำตลาด Kia EV9 ของเรา โดย Kia EV9 จะเป็นรถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่รุ่นแรกในประเทศไทยที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติม และพบกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มีนาคม (รอบสื่อมวลชน) และ 2 มีนาคม (รอบคนทั่วไป) ที่จะถึงนี้
สำหรับคนทั่วไปที่สนใจเข้าชม Kia EV9 ในวันที่ 2 มีนาคม สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://bit.ly/ev9ourallelectricicon โดยงานจะจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม 1-2 ชั้น 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์