ภาพ Spy Shot และรายละเอียดเพิ่มเติมของ Neta L จากที่ประชุม Neta Strategic Partner Conference ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
แบรนด์จาก Hozon Auto ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 เปิดตัวในปี 2562 และปัจจุบันแบรนด์มี 4 รุ่นที่จำหน่ายอยู่ในตลาด ประกอบด้วยรถยนต์ประเภท SUV แบบครอสโอเวอร์ขนาดเล็กสองคัน ซึ่งเป็นรถยนต์เจเนอเรชันแรกของบริษัท นั่นก็คือ Neta X หรือเดิมชื่อ Neta U และ Neta Aya หรือเดิมชื่อ Neta V นอกจากนี้ยังมีรถยนต์คันใหญ่กว่ารุ่นใหม่อีกสองคัน คือ Neta S สปอร์ตซีดานที่เปิดตัวในปี 2565 และ Neta GT coupe ซึ่งเปิดตัวตามมาในปี 2566 และ Neta S มีเฉพาะรุ่นไฟฟ้าและรุ่น EREV เท่านั้นในขณะที่รุ่นอื่นๆ ทั้งหมดจะ มีแค่ BEV เท่านั้น
**EREV คือ เครื่องยนต์หลักมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่เติมน้ำมันเข้าไปเพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงาน
เมื่อ Neta เปิดตัว รุ่น L ก็เป็นรถ SUV คันแรกบนแพลตฟอร์ม Shanhai 1.0 ของ Neta ซึ่งก็คือแพลตฟอร์มที่ใช้โดยรุ่นพี่ในค่ายอย่าง GT และ S และแม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครรู้จักนอกประเทศจีนมากเท่าไรนัก แต่แบรนด์นี้ก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงในปีหน้าเราจะได้เห็นการเปิดตัวรุ่นแรกบนแพลตฟอร์ม Shanhai 2.0 ใหม่ของค่ายด้วย และในเดือนธันวาคม การผลิตจะเริ่มต้นที่โรงงานของ Neta ในประเทศไทยโดยปัจจุบันแบรนด์ Neta ออกจำหน่ายไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายแห่งรวมถึงจีน Neta จึงเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ Neta ขายรถยนต์ได้ 127,496 คันในปี 2566 รวมถึงรุ่น S และ GT ที่ Neta ผลิตออกมาก็ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของแบรนด์ Neta ขึ้นไปอีกขั้น
โดย Neta L จะเป็นรถเซกเมนต์เดียวกับ Tesla Model Y และ BYD Song Plus (Seal U) และ Neta L จะมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ ในรุ่นไฟฟ้าล้วนและรุ่น EREV เนื่องจากรถยนต์ดังกล่าวถูกจัดแสดงในงานพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เราคาดว่าการเปิดตัวมีแนวโน้มใกล้เข้ามาทุกที
ขนาดของ Neta L SUV คือ 4770/1900/1660 มม. โดยมีระยะฐานล้อ 2810 มม. เป็นรถยนต์ 5 ที่นั่งมีให้เลือกทั้งขนาดล้อ 18 และ 19 นิ้ว
ภาพ Spy Shot แสดงให้เห็นการตกแต่งภายในที่มีความสะดวกสบายการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับการออกแบบภายในรวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง ความบันเทิงระดับพรีเมี่ยม หน้าจอคู่ขนาดใหญ่กลางคอนโซล เบาะนั่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งโซฟา ด้านหลังของเบาะหน้าจะมีถาดเลื่อนเหมือนสายการบินสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากนี้ยังมีตู้เย็นบิวท์อินที่คอนโซลกลางระหว่างสองที่นั่งด้านหน้า
สำหรับขุมพลังของรุ่น EV และ EREV จะใช้พลังงานจากมอเตอร์ขนาด 170 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 228 แรงม้า บวกกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรขนาด 67 กิโลวัตต์ จาก Dongfeng บริษัทจัดหาจากจีน เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตที่จัดหาโดย SVOLT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Great Wall Motor คาดการราคาอยู่ที่ 150,000 – 250,000 หยวน หรือตีเป็นเงินไทยราวๆ 760,000-1,270,000 บาทไทย (ยังไม่รวมภาษีมูลึค่าเพิ่มต่างๆ)